Tag Archives: วัดอัมพวัน

Page added : ตำหรับยาสมุนไพร : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

ตำหรับยาสมุนไพร : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

ตำหรับยาสมุนไพร : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

พิมพ์จากหนังสือรับแจกไม่ทราบที่มา ขอกราบบูชาคุณครูบาอาจารย์ และผู้พิมพ์เผยแพร่
คัดพิมพ์เฉพาะส่วนต้น และส่วนตำรายา

หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค ตำรายาสมุนไพร ของ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

สมุนไพร รักษาโรค

คำนำ

ตำรายานี้ข้าพเจ้ารวบรวมมาจากที่หลวงพ่อบอกเองด้วยวาจา และข้าพเจ้านำไปใช้เพื่อรักษาตนเองจนได้ผล หรือจากหนังสือกฎแห่งกรรมธรรมปฏิบัติหลายๆ เล่มของหลวงพ่อ รวมถึงได้มาจากลูกศิษย์บางคนที่เคยฟังหลวงพ่อสอนแล้วมีตำรายาแทรกมาในการสอนนั้นด้วย ฉะนั้นยาทุกขนานในที่นี้ เป็นยาที่หลวงพ่อท่านเคยใช้เองบ้าง หรือให้คนอื่นทดลองใช้มาแล้วบ้าง ข้าพเจ้าเคยกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงพ่อท่านเพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่เป็นวิทยาทาน ซึ่งท่านอนุญาตเรียบร้อยแล้ว

ขออนิสงส์จากการพิมพ์ตำรายานี้ ได้ส่งผลให้ญาติมิตรที่ร่วมบริจาคในการพิมพ์หนังสือ จงมีแต่ความสุขความเจริญ และมีสุขภาพร่างกายจิตใจสมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคภัยอันตรายใดๆ ทั้งปวงเทอญ

พ.อ.หญิง อวาสุณี อนันตรพีระ
กองวิทยาการ กรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี

คติธรรมจากพุทโธโลยีฉบับ “๗๒ ปี หลวงพ่อจรัญ”

“ถ้าใครรู้ว่าอาการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นจงรีบรักษาเสียด้วยยา คือความอดทน เจริญพระกรรมฐานกำหนดอดทนหนอ อดทนหนอ การคำนึงถึงภาษิตที่ว่า ใครแช่งใครด่าใครว่าเรา เหมือนยอดเขาถูกกระทบไม่หวั่นไหว จะทำให้สบายใจขึ้นอย่างประหลาด โปรดนำไปใช้ดูบ้าง คือพระกรรมฐานกำหนดจิตอดทนให้ได้ ได้ผลดีจริงๆ”

“ทน” คือทนต่อสิ่งที่ชัง อันหมายถึงสิ่งที่ไม่ชอบนั่นเอง ซึ่งพอจะประมวลให้ทราบลงเป็น ๓ อย่างคือ

  1. ทนต่อความลำบาก
  2. ทนต่อความเจ็บป่วย
  3. ทนต่อความเจ็บใจ

เวลาใดทำใจให้ผ่องแผ้ว เหมือนได้แก้วมีค่าเป็นราศรี
เวลใดทำใจให้ราคี เหมือนมษีแตกหมดลดราคา
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ

 ฉนั้นการที่จะรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บใดๆ นั้นต้องเริ่มที่กายทำจิตใจให้ผ่องใสก่อน เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว เมื่อนายดี บ่าวก็มีความสุข ถึงตอนนี้หยูกยาอะไรก็หมดความจำเป็น แต่ถ้ากายมีโรคภัยแล้ว ยาในตำหรับเหล่านี้ คงจะพอช่วยได้

อนุสนธิ

เมื่อประมาณเดือน ก.ย. ๔๒ ข้าพเจ้าไปตรวจร่างกายไว้ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แล้วพบว่าตนเองเป็นมะเร็งที่ไตซ้ายจนต้องตัดทิ้งไป ทุกวันนี้เหลือไตขวาอยู่ข้างเดียว ซึ่งวันดีคืนดี ก็จะมีอะไรผิดปกติมาพอให้ผวาเล่น กับมีก้อนมะเร็งที่ปอดขวาอีก ๑ ก้อน ซึ่งหมอก็ตัดก้อนทิ้งไปพร้อมกับเนื้อปอดขวาอีกพอสมควร หมอบอกว่าเก็บเอาไว้หายใจบ้างขืนตัดออกหมดอาจจะตาย เพราะไม่มีอะไรหายใจ ทุกวันนี้อาศัยกรรมฐานช่วย โรคภัยไข้เจ็บจึงหายไปแล้ว ข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งโชคดีที่ได้มีโอกาสฝึกกรรมฐานก่อนจะป่วยเป็นมะเร็งถึง ๒ ปี จึงทำให้พอมีสติที่จะปลงในเรื่องของความตาย และการกลัวความเจ็บปวดไปได้บ้างมิฉะนั้นป่านนี้ อาจจะเหลือเพียงเถ้าถ่านไปแล้ว เพราะถ้าป่วยเป็นมะเร็ง แล้วยังมีความกลัวตายวิตกกังวลและหวาดผวาถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากโรคแล้ว อาการจะยิ่งทรุดลงเร็วมาก สิ่งที่ควรต้องคิดและทำเมื่อท่านป่วยเป็นโรคนี้ (น่าจะโรคอื่นๆ ด้วย) คือการมีสติ และความเข้มแข็งของจิตใจ เพราะเมื่อใดที่จิตตก หดหู่และท้อถอย โรคจะกำเริบและกลับซ้ำได้ง่าย หากจะคิดก็คิดว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตายทุกคน จะเร็วหรือจะช้าขึ้นอยู่กับ “กรรม” ที่แต่ละคนทำเท่านั้น เมื่อกายเราป่วย ก็อย่าให้จิตป่วยเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

หลังจากผ่าตัดและให้เคมีบำบัดแล้ว ข้าพเจ้ายังมีสุขภาพที่ทรุดโทรมอยู่มาก อาศัยว่ามาทำกรรมฐานทีวัดอัมพวันทุกเดือน ก็ประทังความทุกข์ทางจิตใจไปได้ รายปลาย ธ.ค. ๔๔ ข้าพเจ้ามีอาการอ่อนเพลีย ลุกแล้วหน้ามืดอยู่ตลอดเวลา เลือดกำเดาออกมาจากจมูกทั้งวันทั้งคืน ติดต่อกัน ๕-๖ วัน จนกระทั่งลุกเดินไปมาแทบไม่ไหว ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ และกราบเรียนท่านว่า “เลือดกำเดาลูกไหลตลอดเวลาทุกวันเล หากลูกตายหลวงพ่อกรุณาเผาลูกด้วย” ท่านยังชี้มาที่ข้าพเจ้าและบอกว่า “ยังไม่ตายหรอก เราเป็นภูมิแพ้ ให้ออกกำลังกาย และเอายาไปกิน” ตำรายาก็คือ ใบพุทรา (ไทย) สด ๓ กำมือ ข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้หนักอย่างละ ๔ บาท นำมาต้มรวมกันแล้วดื่มต่างน้ำ ข้าพเจ้ากลับบ้านแล้วมาทำตามตำราของหลวงพ่อ มหัศจรรย์จริงๆ ที่ดื่มยายังไม่ทันจืดเลย เลือดกำเดาที่ไหลมาเป็นอาทิตย์ก็หยุดเป็นปลิดทิ้ง และหายมาจนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากนำมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ เป็นยาที่ง่ายมากแต่ได้ผลชงัด จะมีข้อเสียอยู่นิดหนึ่งตรงที่ดื่มครั้งแรกๆ จะมีรสฝาดจากใบพุทราอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าความทรมานจากเลือดกำเดาแน่นอน

ยาอีกตำหรับหนึ่งที่ข้าพเจ้าใช้เองและได้ผลคือ ข้าพเจ้ามีอาการปวดท้องน้อยมานานแล้ว เวลาปวดจะเหมือนปวดประจำเดือน ซึ่งผู้หญิงทุกคนจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ปกติเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้ฝึกกรรมฐานหากมีอาการปวดมากขนาดนี้ต้องรีบหายาแก้ปวดกินแล้วถือโอกาสนอนพัก เพราะทรมานมาก มันปวดกรุ่นๆ เหมือนจะถ่ายอุจจาระแต่ก็ไม่ถ่าย คราวนี้ปวดมากขนาดนั้น แต่อาศัยเคยฝึกกรรมฐานจึงใช้วิธีกำหนดเวทนาก็หายได้เป็นพักๆ แล้วก็ปวดอีก เป็นอย่างนี้ประมาณ ๔-๕ เดือนแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าหากทิ้งไว้เนิ่นนาน ถ้ากลายเป็นอย่างอื่นจะทำอย่างไร จึงตรวจปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ และตรวจเลือดดูก่อน (เกรงว่าจะเป็นมะเร็งระยะลุกลาม) ผลออกมา ก็ปกติทุกอย่าง จึงไปตรวจภายใน แพทย์บอกว่าเซลล์มดลูกและรังไข่เริ่มฝ่อจึงทำให้ปวดท้อง จำเป็นต้องให้ฮอร์โมนซึ่งถ้าข้าพเจ้ากินฮอร์โมนแล้วโอกาสเป็นมะเร็งจะเพิ่มสูงขึ้น จำได้ว่าหลวงพ่อเคยพูดให้ฟังถึงยาขนานหนึ่งที่แก้ในเรื่องมดลูกดีมาก (ท่านพูดมา ๓ ปีแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้) คือเกลือ ๓ ส่วน มะขามเปียก ๗ ส่วน บอระเพ็ด ๕ ส่วน หรือสูตร เกลือสาม มะขามเจ็ด บอระเพ็ดห้า ที่ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อจะได้ยินกันบ่อยๆ โดยนำตัวยาทั้ง ๓ ชนิด มาโขลกรวมกันแล้วปั้นรับประทานตามแต่ความเหมาะสมของธาตุของตน หลังจากข้าพเจ้ากินยานี้ได้ราว ๒ อาทิตย์ อาการปวดท้องน้อยเริ่มหายไป การขับถ่ายดีขึ้น และทุกวันนี้ก็ยังกินอยู่ เมื่อข้าพเจ้ากินยาจากตำราของหลวงพ่อแล้วได้ผลดี จึงอยากจะบอกกล่าวมายังทุกท่าน ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อให้ได้รับรู้เพื่อว่าวันข้างหน้าท่านเกิดเจ็บไข้ไม่สบาย จะได้นำตำรานี้ไปใช้ เมื่อหายแล้วจะได้ถ่ายทอดต่อไปเป็นวิทยาทาน

 

สมุนไพรที่หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม เมตตาแนะนำแก่ญาติโยม

๑. ชาตะไคร้
สรรพคุณ แก้ปวดกระดูก ปวดหลัง ปวดแข้ง ปวดขา ป้องกันกระดูกผุ นั่งดูหนังสือแล้วตาลาย ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด ป้องกันโรคไต เบาหวาน คอเลสเตอรอล

วิธีทำ เอาต้นตะไคร้ล้างให้สะอาด (ตะไคร้ที่ใช้ทำอาหาร) ใช้ส่วนที่เป็นต้น ใบกับรากไม่เอา หั่นตากแดดให้แห้งสนิท แล้วนำมาคั่วให้เหลืองหอม เก็บไว้ชง หรือต้นกินต่างน้ำ เหมือนน้ำชา

๒. ยาอายุวัฒนะ
สรรพคุณ แก้มะเร็วเม็ดเลือด เสกด้วยนวหรคุณ ๙ รักษาโรคมะเร็งระยะเป็นใหม่ๆ รักษาเอดส์ ต้องเสกด้วยพุทธคุณ ๑๐๘ แก้ท้องเฟ้อ มดลูกเสีย กินทุกวันทำให้ร่างกายแข็งแรง

วิธีทำ เกลือทะเลเม็ด ๓ ส่วน บอระเพ็ดสดหั่น ๕ ส่วน มะขามเปียกเอาเม็ด และซางออกสับ ๗ ส่วน นำมาโขลกผสมกัน กินเช้า-เย็น หรือก่อนนอน ครั้งละก้อนเท่าหัวแม่มือ ถ้าต้องการให้ถ่ายกินตามธาตุหนัก-เบา แล้วดื่มน้ำตามมากๆ

๓. โรคไตวาย
วิธีทำ ให้ไปถากเปลือกงิ้วแดง ถากขึ้น ๒ ถากลง ๑ มาต้นดื่มต่างน้ำ (ต้มสดๆ เลย) (เวลาถากเปลือก อย่าถากรอบต้น ต้นไมจะตาย)

๔. เสียงแหบแห้ง
วิธีทำ ให้นำกระเทียบ พริกไทย โขลกให้ละเอียด ละลายด้วยน้ำผึ้งกิน

๕. ตกขาว
วิธีทำ นำสับปะรดทั้งหัวหมกปูนขาว ๓ วัน (ถ้ายังไม่สุกหรือฉ่ำให้หมกต่อ) แล้วนำมาปอกกินตามปกติ

๖. โรคชัก เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคป่วง
วิธีทำ นำพริกไทยเม็ดโขลกให้ละเอียดใส่แคปซูลไว้ นำพริกขี้หนูป่นใส่แคปซุล กินพร้อมกันอย่างละ ๑ แคปซูล (ของยาแผนปัจจุบัน) กินก่อนอาหารเช้า-เย็น

๗. โรคกระเพาะ
วิธีทำ ให้เอากล้วยน้ำว้า ฝานบางๆ ตากแดดให้แห้งสนิท แล้วป่นให้เป็นแป้ง เวลากินตักครั้งละ ๑ ช้อนคาว ใส่น้ำสุกอุ่นๆ แล้วดื่ม

๘. เลือดกำเดาออก
วิธีทำ เอาใบพุทรา (พุดซา) ๓ กำมือ ยาข้าวเย็นเหนือหนัก ๔ บาท ยาข้าวเย็นใต้หนัก ๔ บาท มาต้นดื่มต่างน้ำ

๙. มะเร็ง
วิธีทำ นำลูกใต้ใบทั้ง ๕ กับต้นไมยราพทั้ง ๕ มาต้มกินต่างน้ำ (ทั้ง ๕ หมายถึง ราก, ต้น, ใบ, ดอก และผล)

๑๐.๑ โรคตับแข็ง
วิธีทำ กินบอระเพ็ดวันละ ๕ แว่น (ยาวประมาณ ๒ ซม. หรือองคุลี) โดยเฉพาะคุณแม่ที่กินยาดองหลังคลอดบุตร และรักษามะเร็ง หรือโรคท้องมานต้องลงด้วย “นะโม พุทธายะ”

๑๑.๒ โรคตับอีกขนาน
วิธีทำ
บอระเพ็ดสด ๑ ช้อนคาว เคี้ยวๆ แล้วตามด้วยน้ำผึ้งเดือนห้า

๑๑. ร้อนใน อาเจียน
วิธีทำ ใบตำลึงต้มกินหาย อีกขนานให้เอายอดกะทกรกและยอดตำลึงต้มกิน หรือคั้นเอาน้ำกิน

๑๒. โรคภูมิแพ้
วิธีทำ ให้กินบอระเพ็ด

๑๓. โรคหอบ-หืด
วิธีทำ นำต้นตำแยแมวมาโขลกใส่น้ำซาวข้าวกรองเอาแต่น้ำกิน

๑๔. โรคหัวใจโต
วิธีทำ กินกระถินแล้วเอาเปลือกับรากมาต้นน้ำดื่ม

๑๕. นมหลง (ปวดนม หรือนมคัด)
วิธีทำ เอานุ่นมาจุดไฟแล้ว ใส่ไหกระเทียมอย่าให้ควันออก เอาปากไหกดครอบเต้านมไม่นานน้ำนมจะไหลหายปวด

๑๖. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
วิธีทำ ข้าวเย็นเหนือ, ข้าวเย็นใต้ หนัก ๔ บาท ฟ้าทะลายโจร (สด) ๑ กำมือ รากหญ้าคา (สด) ๑ กำมือ นำตัวยาทั้งสี่อย่างมาต้มดื่มแทนน้ำ

๑๗. ไข้ทับระดู (เป็นไข้ระหว่างมีประจำเดือน)
วิธีทำ หญ้าเจ้าชู ๓ กำมือ ยาข้าวเย็นเหนือ, ข้าวเย็นใต้ หนัก ๔ บาท นำตัวยาทั้งหมดมาต้มตื่มต่างน้ำ

๑๘. บิดหัวลูก (เป็นโรคบิดระหว่างตั้งครรภ์ ลูกขี้ มักตายในท้อง หรือไม่ก็คลอดออกมาแล้วตาย)
วิธีทำ
๑. นำเปลือกมะพร้าวอ่อน (ปอกผิวสีเขียวออกเอาเฉพาะส่วนที่กาบอ่อน) บิดเอาน้ำ ๑ แก้ว
๒. น้ำปูนใส (ปูนกินหมาก) ๑/๒ แก้ว
๓. เปาะหอม ทั้งสามสิ่งนำมาโขลก กรองเอาแต่น้ำมากิน

๑๙. โรคลำไส้เน่า เป็นยาเทวดา
ท่านผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดสิงห์บุรี ชื่อมหาเทียบ นองบุญนาค เปรียญธรรม ๖ ประโยค (เสียชีวิตไปตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐) เป็นคนทำถวาย

วิธีทำ ใช้หม้อดิน เอาเกลือมา ๓ กำ ให้กลั้นใจหยิบ ๓ จับ แล้วเทใส่หม้อ ท่านสอนให้ท่อง “พุทธัง ปัจจักขามิ ๑ กำ ธัมมัง ปัจจักขามิ อีก ๑ กำ สังฆัง ปัจจักขามิ อีก ๑ กำ” ใส่หม้อ สตุเกลือ (โดยไม่ต้องใส่น้ำ) จนละเอียดไปหมดแล้วปลงลงมาเอาไข่ขาว (ไข่ไก่ ๕ ฟอง ไม่เอาไข่แดง) ใส่แล้วคนให้เข้ากันท่อง “พุทธัง ปัจจักขามิ, ธัมมัง ปัจจักขามิ, สังฆัง ปัจจักขามิ” กินครั้งละ ๑ ช้อนคาว

๒๐. รักษาผิวหน้าไม่ให้เหี่ยวย่น
วิธีทำ ขนาน ๑ ใช้น้ำผึ้ง กับผิวมะนาว ทาหน้าเป็นประจำ หรือขนาน ๒ ใช้ไส้ตะเกียงเจ้าพายุที่ใช้แล้ว ผสมน้ำมะนาว ทาหน้าเป็นประจำก็ได้

๒๑. ผมอ่อนสลวย
วิธีทำ ใช้น้ำส้มมะขาม (มะขามเปียก) สระผม

๒๒. ยามเช้า
ตื่นเช้าแกว่งแขน ๑๐๐ ครั้ง เตะขาขึ้น ๑๐๐ ครั้ง แล้วอย่าเพิ่งไปล้างหน้า ดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ๕ แก้ว (ถ้าอายุเกิน ๔๕ ปี กินน้ำต้ม ถ้ายังไม่ถึง ๔๕ ปี ไม่ต้องต้ม) รับรองอุจจาระดี หูตึงหาย ปวดศรีษะซึกหนึ่ง น้ำตาไหล ปวดลูกตา หายเลยทีเดียว

ยาตำหรับพิเศษ

ยาทั้งหมด ๒๐ ตำหรับที่รวบรวมมาลงหนังสือเล่มนี้ เป็นยาที่ใช้รักษาโรคทางกายเท่านั้น ในส่วนของโรคและความผิดปกติทางจิตวิญญาณ หลวงพ่อก็ยังมียาพิเศษไว้รักษาด้วย

  1. “สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน”
  2. การทำกรรมฐาน ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง รักษาโรคคิดมาก วิตกกังวล นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูงต่ำและโรคหัวใจได้
  3. การเจริญกรรมฐาน จะทำให้อารมณ์ดี มีจิตใจสะอาด จะรู้บุญคุณของพ่อ-แม่ ไม่ลืมพระคุณของชาติภูมิ มาตุภูมิ และบ้านเกิดเมืองนอนของตน ไม่ลืมบุญคุณครูบาอาจารย์
  4. การเจริญกรรมฐาน เวลานั่ง กำหนดลมหายใจยาวๆ เข้าไว้ หายใจเข้ายาวๆ หายใจออกยาวๆ ให้สม่ำเสมอ จะทำให้ใจเย็น และเกิดปัญญาแก้ไขปัญหาได้
  5. ผู้ที่เจริญกรรมฐาน จิตใจจะโน้มเอียงไปในทางดี จะรักษาโรคเห็นแก่ตัว โรคอิจฉาริษยาได้ จะทำให้เกิดความเตตา สงสารผู้อื่น
  6. กรรมฐานสามารถรักษาโรค และต่ออายุได้
  7. กรรมฐานเป็นการป้องกันจิตวิญญาณไว้มิให้หลงตาย ทำให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
  8. กรรมฐาน ช่วยรักษาโรคกรรม ซึ่งหมอทั่วไปรักษาไม่หาย
  9. โลกเราที่ยุ่งยากเดือดร้อนทุกวันนี้ทางหนึ่ง ย่อมเกิดจากความโลภของคนเราที่คอยเผาดวงใจให้เร่าร้อน ทำใจให้พร่อง ทำใจให้หิว
  10. อารมณ์ร้ายเป็นอารมณ์อันตรายที่สำคัญที่ต้องหาความอดทนมาเป็นเครื่องมือป้องกันไว้ คำด่าว่า เสียดสีนินทานี่แหละ ที่ทำใจให้ร้อน เมื่อใจร้อนแล้ว เรื่องร้อนต่างๆ ก็ตามาอย่างที่เห็นกันอยู่เสมอ วิธีที่เหมาะสมวิธีหนึ่ง คือการวางตัว
  11. การสร้างความดี ก็ต้องละความชั่ว สร้างความดี ก็ต้องละบาปมาทำบุญ แล้วยังมีบาปในใจมากอีกรับรองไปไม่รอด
  12. การสร้างความดี เป็นการใช้หนี้กรรม เราควรชดใช้ให้หมดไปในชาตินี้ ดีกว่าไปใช้หนี้บวกดอกในเมืองนรกเป็นร้อยปี
  13. ความดี สร้างให้กันไม่ได้ เราต้องสร้างเอง ต่างคนต่างทำ เราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกตายไม่ได้ แต่เราเลือกทำความดีได้