จำนวนแคลอรี่ในอาหารประเภทเส้นต่างๆ
เพื่อการพิจารณาควบคุมแคลอรี่ในอาหาร
เครดิตตามภาพ :
จำนวนแคลอรี่ในอาหารประเภทเส้นต่างๆ
เพื่อการพิจารณาควบคุมแคลอรี่ในอาหาร
เครดิตตามภาพ :
5 ธันวาคม 2559
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยหญ้าดอกขาวพบว่ามีสรรพคุณช่วยลดความอยากสูบบุหรี่ ลงได้ เนื่องจากในหญ้าดอกขาวจะมีสารไนเตรด ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ประสาทรับรู้รสบริเวณลิ้นมีความรู้สึกชา ทำให้ผู้ที่บริโภคหญ้าดอกขาวเข้าไปจะไม่รับรู้รสชาติใดๆ ส่งผลให้ไม่มีความอยากจะสูบบุหรี่ อย่างไรก็ตาม สำหรับการรับประทานหญ้าดอกขาวนั้นจริงๆ แล้วสามารถรับประทานได้ตามความต้องการ เพราะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่ร่างกายสามารถขับออกเองได้ ทั้งนี้ นอกจากการจะใช้หญ้าดอกขาวเป็นตัวช่วยในการเลิกสูบบุหรี่แล้ว ยังพบอีกว่าหญ้าดอกขาว มีสรรพคุณช่วยลดความอยากอาหารได้ ซึ่งประจวบเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก นอกจากการลดอาหารไขมันสูง การออกกำลังกายแล้ว การรับประทานหญ้าดอกขาวก่อนทานอาหารทุกมื้อ ก็มีส่วนช่วยได้ เนื่องจากในหญ้าดอกขาว มีสารไนเตรดที่มีอยู่ในหญ้าดอกขาวจะไปเคลือบต่อมรับรสที่อยู่บริเวณลิ้นทำให้เวลารับประทานอาหารเข้าไปจะรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อย จนทำให้รับประทานอาหารได้น้อย ทั้งยังช่วยลดความอยากรับประทานอาหารลงได้อีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำตาลเทียมอาจหลอกลิ้นของเราได้ แต่มัน ไม่สามารถหลอก “สมอง” ของเราได้ จากการศึกษาภาพ MRI Scan ของ สมอง พวกเขาพบว่าสมองสามารถแยกแยะความแตกต่างและไม่มีความพอใจต่อรสชาติของน้ำตาล เทียม นั่นหมายความว่าเมื่อสมองยังไม่พึงพอใจต่อน้ำตาลเทียมก็มีแนวโน้มที่สมองจะ สั่งการให้เรากินอาหารอื่นเพิ่มขึ้นอีกเพื่อสนองความต้องการให้สมบูรณ์ ผลที่ตามมาก็คือ นอกเหนือจากมันไม่ช่วยลดน้ำหนักแล้ว มันยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่นๆ ที่มากับการบริโภคน้ำตาล เช่น โรค หัวใจ โรคหลอดเลือด รวมทั้งโรคที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญอาหาร ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล และไขมันรอบเอวของคุณ
อย่าง ไรก็ดี นักวิจัยระบุว่า การดื่มน้ำอัดลมแบบไดเอทวันละไม่เกิน 2 กระป๋อง ไม่ส่งผลร้ายใดๆ และแน่นอนว่ามันดีกว่าการดื่มน้ำอัดลมธรรมดา และยังไม่พบความเกี่ยวข้องว่าสารทดแทนน้ำตาลเหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งเหมือน ที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้
จริงๆ ก่อนหน้านี้ 6 ปี ก็มีนักวิทยาศาสตร์ทำการวิจัยในเรื่องนี้ พบว่า มีข้อมูลที่ยืนยันผลการวิจัยคล้ายๆ กันว่า มีความเกี่ยวข้องกันอย่างน่าประหลาดถึงความสัมพันธ์บางประการระหว่างผู้ดื่ม น้ำอัดลมไดเอท กับการเพิ่มของน้ำหนักตัว โดยพบว่าผู้ที่ดื่ม น้ำอัดลมประเภทไดเอทวันละ 1 กระป๋องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วง 7-8 ปีข้างหน้าราวร้อยละ 65 และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนร้อยละ 41 โดย ความเสี่ยงเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามปริมาณการดื่มน้ำอัดลมไดเอทที่ดื่มในแต่ละ วัน คนที่ดื่มเกิน 2 กระป๋องต่อวันก็มีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอแนะนำว่าทางที่ดีถ้าเลิกได้เลิกเลยดีกว่า น้ำอัดลมไม่ใช่เครื่องดื่มที่มีประโยชน์อะไรนอกจากให้ความสดชื่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง พยายามลด ละ เลิก หรือ ทานให้เป็นโอกาสๆไปจะดีกว่าค่ะ ทานเเต่น้อย ทานเเต่พอดีค่ะ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการดื่มน้ำเปล่าเย็นๆอีกเเล้วนะคะ
blog.eduzones.com
lovefitt.com
http://pantip.com/topic/31183738
โยคะ คือศาสตร์ที่ว่าด้วยวิถีชีวิตอย่างเป็นองค์รวม การปฏิบัติโยคะ ก็คือ การฝึกฝนตนเอง การสร้างวินัยในตนเอง เป้าหมายหลักของโยคะ คือ การพัฒนาศักยภาพของตนเองไปสู่ศักยภาพสูงสุดเพื่อคลี่คลายปัญหาทั้งหลายทั้ง ปวง จิตต่างหากคือตัวการสำคัญที่โยคะอยากจะจัดการควบคุม ในขณะฝึก ปฏิบัติโยคะ แน่นอนว่ากายเป็นองค์ประกอบพื้นฐานให้จิตใจทำงาน ก็ได้รับการจัดการควบคุมไปด้วย แต่เราต้องตระหนักว่า เรากำลังมุ่งฝึกจิตเป็นสำคัญ โดยประโยชน์ที่เกิดกับกายนั้นเป็นเพียง “ผลพลอยได้ “ หาใช่เป้าหมายไม่
เราขออนุญาตเปรียบเทียบคนที่ฝึกโยคะเพื่อหวังลดไขมันส่วนเกินของหน้าท้องนั้นคือการ ขี่ช้างจับตั๊กแตน โยคะ เป็นศาสตร์อันยิ่งใหญ่เปรียบได้ดั่งพระยาช้างสาร ช้างตัวนี้เอาไว้รบทัพจับศึก ซึ่งก็คือการต่อกรกับจิตของเรานั้นเอง ซึ่งผู้ที่ขี่ช้างโดยไม่หวังออกรบ (กับจิต ) กลับเพียงขี่มันไปทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ( กำจัดไขมันหน้าท้อง ) ก็คือไปจับตั๊กแตนเท่านั้น ทั้ง นี้ทั้งนั้น หาได้ต้องการจะตำหนิให้เสียกำลังใจแต่อย่างใดไม่ เราเองก็ชื่นชมคนที่ฝึกโยคะและปรารถนาที่จะเห็นประชาชนไทยฝึกโยคะกันอย่าง สม่ำเสมอโดยทั่วหน้า เพียงแต่เราอยากจะเน้นย้ำถึงข้อเท็จจริงของโยคะ ย้ำถึงประโยชน์อันแท้จริงของศาสตร์นี้ เพื่อเอื้อให้ผู้ปฏิบัติได้รับผลตามที่ควรจะเป็นอย่างเต็มที่นั้นเอง
ผู้อ่านไม่ต้องแปลกใจ ทำไมฉบับนี้ผู้เขียนจึงต้องหยิบเรื่องการลดความอ้วนมาเขียนทั้งที่ไม่ได้เป็นหมอ ผมเองได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับมหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าวที่ อาจารย์ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย ได้เขียนไว้น่าสนใจมากๆ เกี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวที่มีความมหัศจรรย์มากมาย ที่ยังไม่รู้และไม่เข้าใจ แต่พอได้อ่านได้สัมผัส และได้ทดลองใช้กับผู้เชียนเองได้ผลดีมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะเกี่ยวกับการลดความอ้วนและน้ำหนักได้ดี การที่ผมได้หยิบเอาเรื่องเกี่ยวกับความอ้วนมาเขียนนั้นก็เพราะว่า อดเป็นห่วงสุขภาพเพื่อนสมาชิกไม่ได้ เพราะความอ้วนเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายรวมถึงมีภาวะที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าคนปกติ โรคที่พบบ่อย ได้แก่ ไขมันในเส้นเลือด ความดันโลหิตสูง นอกจากนั้นคนอ้วนมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงกว่าคนปกติถึง 2 เท่า โรคหัวใจ และมีโอกาสเป็นโรคหัวใจเสื่อมถึง 70% โรคเบาหวาน โรคข้อเสื่อม และข้ออักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งบางชนิด และโรคอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งทำให้เสียบุคลิคภาพดูไม่สวยงาม
ในปัจจุบันจะได้เห็นได้ว่านิยมผู้ที่มีรูปร่างผอมเพรียว โดยเฉพาะวงการนางแบบที่ต้องการรูปร่างเป็นใบเบิกทาง สำหรับบางคนที่เกิดมาหุ่นดีถือว่าโชคดีไป แต่บางคนเกิดมาหุ่นไม่ดีแล้วแถมยังกินไม่บันยะบันยังแล้วความอ้วนก็จะตามมาอย่างทันตาเห็น แต่พ่อจะลดน้ำหนักก็ลดยาก ก็หันไปพึ่งหมอทั้งดูดไขมัน กินยา ลดความอ้วน กินมากเข้าก็มีปัญหาสุขภาพและผลข้างเคียงมากมาย สำหรับการกินยาเพื่อลดความอ้วน ก็จะได้ผลเพียงชั่วครั้งชั่วคราว พอหยุดยาก็กลับมากินอาหารแบบทวีคูณ หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า YoYo ซึ่งทำให้เสียงทั้งเงินและสุขภาพ
กินอาหารมากเกินไป อาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพื่อนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และใช้เผาผลาญเป็นพลังงาน แต่ถ้าหากรับประทานมากเกินไปและใช้ไม่หมด เนื่องจากไม่มีการออกกำลังกาย หรือไม่มีกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน อาหารก็จะเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อสำรองใช้ยามจำเป็น จึงเป็นสาเหตุของความอ้วน
ความผิดปกติของต่อมที่ควบคุมการเจริญเติบโต คนที่เป็นโรคที่ต่อมธัยรอยด์ทำงานในระดับต่ำกว่าปกติ (hypothyroidism) ทำให้มีอัตราการเมทาบอลิสซึมช้าลง โดยเฉพาะไปเพิ่มไขมันเลว LDL แต่น้ำมันมะพร้าวสามารถเปลี่ยน LDL ให้เป็นเปรกนีโนโลน (prenenolone) โปรเจรเตอรอล (progesterol) และดีไฮโดรปิแอนโดรสเตอรอล (dehydropiandrosterol DHEA) สารเหล่านี้ช่วยทำให้คงระดับการเผาผลาญอาหาร จึงไม่มีอาหารสะสมเป็นไขมัน (Lee, 2005) ในทำนองเดียวกันกบผู้สูงวัยก็มักจะอ้วนขึ้น ทั้งนี้้เพราะความผิดปกติของต่อมธัยรอยด์
กินไขมันไม่เพียงพอ มีผลงานวิจัยที่แสดงว่า คนที่บริโภคอาหารที่มีไขมันอย่างเพียงพอจะกินอาหารน้อยกว่าคนที่พยายามลดไขมันในอาหาร ยิ่งคุณกินน้อยลงเท่าไหร่ ปริมาณแคลอรีก็น้อยลงตามไปด้วย การได้ปริมาณไขมันในอาหารอย่างเพียงพอมีความจำเป็นสำหรับการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ และอย่างถาวร เหตุผลอันหนึ่งที่ไขมันมีความจำเป็นสำหรับการลดความอ้วน เพราะมันทำให้เราอิ่มทนไม่หิวเร็ว
การเคี้ยวอาหารน้อยลง มีข้อสังเกตว่า คนอ้วนมักจะรับประทานอาหารรวดเร็ว ไม่ค่อยเคี้ยวทำให้รับประทานได้มากกว่า จะมีการส่งสัญญาณจากกรเพาะไปยังสมองให้รับรู้และอิ่ม (ชุติมา, 2550) ดังนั้นจึงไม่เกิดความอยากกิน ผลคือเรากินอาหารน้อยลง
หลายท่านอาจมีคำถามที่ค้านอยู่ในใจว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันที่อิ่มตัวและเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้อ้วนไปกันใหญ่หรือ? ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวนั้นมันจะมีคุณสมบัติหลายประการ คือ (Fife, 2005 a)
1. ให้พลังงานน้อย และเปลี่ยนเป็นพลังงานทันที : เนื่องจากเป็นกรดไขมันขนาดกลาง น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นไขมันที่มีพลังงานน้อยที่สุด คือเพียง 8.6 แคลอรี่ต่อกรัม เปรียบเทียบกับไขมันชนิดอื่นๆ ซึ่งให้พลังงานถึง 9 แคลอรีต่อกรัม นอกจากนั้น น้ำมันมะพร้าวยังย่อยได้ง่าย และเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว เมื่อบริโภคเข้าไป มันจะผ่านจากลำคอไปยังกระเพาะต่อไปยังลำไส้ แล้วไปเปลี่ยนเป็นพลังงานในตับ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง โดยไม่เปลี่ยนเป็นไขมันที่จะไปสะสมในร่างกายเช่นเดียวกับน้ำมันอื่นๆ จากการศึกษาเปรียบเทียบการบริโภคน้ำมันชนิดต่างๆ Ingle และคณะ (1999) และ Enig (1999) พบว่ากรดไขมันอิ่มตัวที่มีสูตรโครงสร้างสั้น ลดการสังเคราะห์และการเก็บสะสมไขมัน ดังนั้นการบริโภคเนยหรือน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีไขมันอิ่มตัวที่สูตรโครงสร้างสั้นและปานกลาง จึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน โดยการบริโภคอาหารที่มีไขมันต่ำ แต่เป็นไขมันที่มีโอเลกุลมีความยาวมาก และโดยเฉพาะเป็นน้ำมันที่ไม่อิ่มตัวกลับอ้วนกว่าเดิม
2. กระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ : น้ำมันมะพร้าว กระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน หรือเมตาบอลิซึม ทำงานได้รวดเร็วขึ้น จึงช่วยทำให้อาหารอื่นที่รับประทานเข้าไร้อมกับน้ำมันมะพร้าว เปลี่ยนไปเป็นพลังงานจึงมาสะสมเป็นไขมันร่างกาย
3. ช่วยนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานนอกจากตัวของมัน และอาหารที่บริโภคเข้าไปพร้อมกัน จะเปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างรวดเร็วแล้ว น้ำมันมะพร้าว ซึ่งไปเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึมในอัตราที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความร้อนสูง (thermogenesis) คล้ายกับบุคคลประเภทไฮเปอร์ธัยรอยด์ (hyperthyroid) ที่ต่อมธัยรอยด์ทำงานในอัตราที่สูงกว่าคนธรรมดา บุคคลพวกนี้จึงใช้พลังงานมาก (เพราะเป็นคนประเภทกระฉับกระเฉง และไม่อ้วน) เพราะอาหารที่รับประทานเข้าไปพร้อมกับน้ำมันมะพร้าว ถูกเผาผลาญเป็นพลังงานจนหมดสิ้นไม่สะสมเป็นไขมันในร่างกาย และจากผลของ thermogenesis ยังไปนำไขมันที่ร่างกายสะสมไว้ ออกมาใช้เป็นพลังงาน ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงช่วยลดความอ้วนได้
เราสามารถบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วนได้หลายวิธี ที่นิยมและแพร่หลายคือ
1. บริโภคน้ำมันโดยตรง ได้แก่ การนำน้ำมันมะพร้าวเข้าปากโดยใช้ช้อน หรือดื่มจากภาชนะ การใช้ช้อน จะช่วยให้กะปริมาณได้ใกล้เคียงกับที่ต้องการ เช่น กี่ช้อนโต๊ะ ในขณะที่ดื่มจากภาชนะ สะดวก แต่กะปริมาณไม่ได้ดี หลายคนมักจะคิดว่า การบริโภคน้ำมันมะพร้าว เป็นของยาก เพราะใจคิดอยู่เสมอว่าน้ำมันมะพร้าว ก็คือน้ำมันพืช ซึ่งเหนียวเหนอะหนะ และเวลาดื่มเข้าไปในลำคออาจคลื่นไส้ แต่ในความเป็นจริง น้ำมันมะพร้าวมีกลิ่นหอม ไม่เหนือเหนอะหนะและสามารถดื่มลงคอได้โดยสะดวก ไม่มีติดอยู่ที่คอเหมือนน้ำมันพืชชนิดอื่น การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะรับประทานในอัตรา 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร 30 นาที หรือทุกวันหลังจากตื่นนอน ให้ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะทันที (เติมน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักตัวทุกๆ 23 กิโลกรัมที่เกินจากน้ำหนักมาตราฐาน) จะเป็นสูตรลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน
2. ผสมในอาหารและเครื่องดื่ม น้ำมันมะพร้าวสามารถเข้ากันได้กับอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น ซุป โจ๊ก แกงจืด น้ำส้ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน ฯลฯ โดยไม่ได้ทำให้อาหารและเครื่องดื่มเปลี่ยนรสชาติ หรือสูญเสียคุณค่าทางอาหาร และความอร่อยไป
3. ปรุงไปในอาหาร เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารได้ โดยการผัด หรือทอด (ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนเป็น ทรานส์แฟตส์ (trans fats) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เหมือนน้ำมันไม่อิ่มตัวทั้งหลายที่ถูกกับความร้อนสูง) หรือแม้แต่เป็นตัวทำให้อาหารไม่ติดกระทะ หรือภาชนะ เช่นในการเจียวไข่ ทำพิซซ่า
4. ใช้ร่วมกับสปา สปา (spa) เป็ฯคำย่อของศัพท์ภาษาละติน Sanus Per Aqua หมายถึง วิธีการดูแลสุขภาพโดยการทำความสะอาด และเสริมอาหารบำรุงให้ลึกถึงผิวชั้นใน มีิวิธีต่างๆ เช่น การนวด การบำบัดด้วยน้ำ การใช้กระแสไฟฟ้า ปัจจุบันมีการใช้น้ำมันมะพร้าวในกิจการสปามากมาย เพราะซึมเข้าในร่างกายได้เร็ว มักผสมด้วยน้ำมันหอมระเหยเพื่อช่วยให้มีกลิ่นหอม โดยใช้นวดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดความอ้วนไปในตัว
พิมพ์จาก ข่าวสาร สหกรณ์ออมทรัพย์กรมวิชาการเกษตร จำกัด คณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 35 ปีที่ 35 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553
เอกสารอ้างอิง
ณรงค์ โฉลมเฉลา.2552.น้ำมันมะพร้าวลดความอ้วนได้อย่างไร?.เอกสารวิชาการฉบับที่ 2/2552.ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย,กรุงเทพฯ
ณรงค์ โฉมเฉลา.2552.สวยด้วยน้ำมันมะพร้าว เอกสารวิชาการฉบับที่ 1/2552.ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย,กรุงเทพฯ
ชุติมา ศิริกุลชยานนท์.2550.การเคี้ยวรักษาโรคอ้วนและสมองเสื่อมได้จริงหรือ.วารสารโภชนาการ:ปีที่ 42 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน หน้า :38-39