Tag Archives: ร่างกาย

ข้อควรคิดและเตรียมตัวสำหรับผู้หญิง ในวัย 30 ย่าง 40

เห็นบทความ ผู้หญิง อายุ 40 เขียนถึง ผญ อายุ 30 ว่าให้เตรียมตัวอย่างไร ก็รู้สึกว่า มันไม่ใช่ที่เราคิดเลย มันไม่ Realistic เล้ยยย

สิ่งที่แรกที่เราคิดจะบอก ผญ อายุ 30 ย่างมา 40 ว่า

1 ดูแลผิวพรรณตัวเองดีดีนะคะ มันเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากค่ะ ผิวหน้าที่เริ่มมีริ้วรอย ลดเครื่องดื่มมีนเมาหรือบุหรี่ที่ทำร้ายผิว มันผิดแล้วจะผิดเลย ผิวเสียแล้วเสียเลย ร่างกายสรีระมีการเปลี่ยนแปลง นมเริ่มย้อย ที่นมใหญ่แล้วย้อย จุดหัวนมจะเริ่มต่ำลง ที่นมเล็กก็จะยานออกข้างได้ ยกทรงอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เคยใช้แบบเหล็กดามอาจจะเริ่มทำให้หายใจไม่ออก อาจจะต้องมาใช้บราแบบไม่มีเหล็กดามใต้ราวนมนะคะ

2 ดูแลสุขภาพดีดี ออกกำลังกายให้มากขึ้น ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง สุขภาพก็เริ่มเปลี่ยนไป ถ้าอ้วนไปหน่อยก็จะเริ่มปวดเข่า เท้าจะเมื่อยเร็วขึ้น เดินเหินต้องระวังมากขึ้น สายตาที่เปลี่ยนแปลงทำให้เราต้องหาแว่นตาใหม่ ฟันก็อาจจะเกหรือเริ่มล้ม ทำประกันชีวิตได้แล้ว ศึกษาดีดี เริ่มโตต้องเริ่มระวังตัว

3 สุขภาพจิตสำคัญมากค่ะ อยู่กับสิ่งที่ดีงามนะคะ หาสิ่งขำๆให้จิตใจ หาความตลกให้กับหัวใจตัวเอง ยิ่งสูงวัย เรื่องเศร้าๆก็ยิ่งเยอะขึ้น อารมณ์ขันเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงเราไว้ได้

4 ชีวิตที่ดำรงอยู่ อาจจะต้องคัดสรรกันบ้าง คบหาแต่ที่สบายใจ ไม่ควรจะมานั่งฝืนใจอะไรใครกันเพราะเสียดายเวลา อายุที่ลดน้อยถอยลงไป อาจจะทำให้เราต้องหาความสุขให้ตัวเองให้มากขึ้นด้วยการตัดสิ่งทุกข์ใจออกไปบ้าง สิ่งทุกข์ใจนั้นอาจเป็นคนรัก ผัว หรือเพื่อนที่คบหา ให้มันผ่านพ้นไปบ้าง เราอาจจะพบอะไรใหม่ๆมากมาย

5 งานการอาจจะหนักหนามากขึ้น ตามวัยที่เชี่ยวชาญ ก็ใช้ประสบการณ์การทำงานให้ดีรอบคอบให้มากขึ้น เผื่อแผ่ให้คนรุ่นน้องให้ดีงาม อย่าได้ใจร้ายว่าตัวเองโดนปฏิบัติอย่างไร ก็คิดจะไปแก้แค้นเขาแบบนั้น จิตใจชั่วร้ายมันทำให้ใบหน้าหม่นหมอง Continue reading

ความรู้เกี่ยวกับร่างกาย 17 ข้อ สั้นๆเจ๋งๆ (สาระน่ารู้)

936051_1459480034363344_1732679952760292020_n

1. กล้ามเนื้อดวงตาของเราจะจดจ่อกับสิ่งต่างๆ เป็นจำนวนอย่างน้อย 100,000 ครั้งต่อวัน

2. รูสะดือของมนุษย์เป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียขนาดใหญ

3. ในชั่วชีวิตของมนุษย์ 1 คนสามารถผลิตน้ำลายมากพอที่จะเติมสระว่ายน้ำเต็ม 2 สระ

4. จมูกของมนุษย์สามารถจดจำกลิ่นที่แตกต่างกันได้มากถึง 50,000 กลิ่น

5. เซลล์เม็ดเลือดแดงไหลทั่วร่างกายภายในเวลา 20 วินาที

6. ดวงตาของมนุษย์สามารถมองเห็นแสงเทียนที่ห่างออกไปไกลถึง 30 ไมล์ได้

7. กว่า 90% ของเซลล์ในร่างกายเกิดมาจากเชื้อราและแบคทีเรีย

8. ถ้ามนุษย์มีอาการติ่นเต้นจน ฮอร์โมน อดรีนาลีน พลุ่งพล่านทั่วร่างกาย สามารถยกรถยนต์ได้สบายๆ เลย

9. มนุษย์สามารถแยกแยะสีที่ต่างกันได้มากถึง 10 ล้านสีภายในครั้งเดียว

10. ร่างกายมนุษย์เรืองแสงได้ แต่มันอ่อนมาก จนตาของเราไม่สามารถมองเห็นได้
11. เด็กทารกมีจำนวนกระดูกมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 60 ชิ้น

12. DNA ของกล้วยมีส่วนคล้ายมนุษย์ถึง 50%

13. สมองมนุษย์สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงพอที่จะทำให้หลอดไฟติดได้ ยิ่งคิดมากกระแสไฟฟ้ายิ่งเข้มข้น

14. กล้ามเนื้อขากรรไกรเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายมนุษย์ (ไม่ใช่ลิ้นนะ)

15. BlueGene Super Computer ยังต้องแพ้ให้กับสมองของมนุษย์ เพราะความสามารถเทียบเท่าเพียงแค่ 0.002% เท่านั้น (มนุษย์ฉลาดกว่าเยอะ เพราะคือผู้สร้าง)

16. ทุกๆ วินาที ร่างกายจะสร้างเซลล์ใหม่เป็นจำนวน 2 ล้านเซลล์

17. สมองมนุษย์มีขีดจำกัดในการอ่าน 1,000 คำต่อนาที

ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1459480034363344&set=a.1409996915978323.1073741828.100009040833661&type=1&theater

ผลของอารมณ์ต่ออวัยวะของร่างกาย

โรคนับเป็นร้อย……มีที่มาจากอารมณ์

10922822_911699295527538_4924287567629792478_n

ในทัศนะขององค์รวม มีแพทย์แผนจีน,ไทย,อยุรเวท,การแพทย์ธิเบต มีหลักคล้ายๆกัน ในส่วนแผนจีนอธิบายไว้ดังนี้
จิตได้เชื่อมโยงผลกระทบของร่างกายทั้งอวัยวะตันภายในทั้ง ๕ (หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต) อวัยวะกลวงภายในทั้ง ๖ (กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ซานเจียว) เส้นลดปราณที่สัมพันธ์กับอารมณ์และสิ่งกระตุ้นทั้งมวลอย่างแนบแน่น ตัวอย่างที่จะกล่าวถึงคือเรื่องของอารมณ์ทั้ง ๗ กับการเกิดโรค

อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย ประกอบด้วยอารมณ์ ๗ อย่างด้วยกัน คือ
— ดีใจ
— โกรธ
— วิตก
— กังวล
— เศร้า
— กลัว
— ตกใจ
(เนื่องจากอารมณ์วิตกกับอารมณ์กังวลมีลักษณะใกล้เคียงกัน และอารมณ์กลัวกับอารมณ์ตกใจก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงจัดไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน เหลือเป็นอารมณ์ทั้ง ๕)
อารมณ์ทั้ง ๗ นับเป็นสาเหตุก่อโรคที่เป็นเหตุปัจจัยจากภายในร่างกาย การได้รับผลกระทบจากอารมณ์ใดที่มากเกินไปและนานเกินไป จะทำให้เกิดโรคกับอวัยวะภายในและเส้นลมปราณได้

อารมณ์ดีใจ เป็นอารมณ์กระตุ้นในด้านบวก เป็นไปในทางให้ประโยชน์แก่ร่างกาย

อารมณ์โกรธ เศร้าโศก เสียใจ กลัว ตกใจ เป็นอารมณ์กระตุ้นในด้านลบ เป็นไปในทางให้โทษกับร่างกาย

อารมณ์ครุ่นคิด วิตกกังวล เป็นอารมณ์พื้นฐานของการเคลื่อนไหวของอารมณ์ การใช้ความคิดอย่างมีสติ มีปัญญา และสอดคล้องกับความเป็นจริงทางภาวะวิสัย จะมีทางออกทำให้อารมณ์ถูกเปลี่ยนแปลงรุนแรงไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป

อารมณ์ทุกอารมณ์เป็นความปกติที่เกิดกับปุถุชน แต่ต้องมีไม่มากหรือน้อยเกินไป และไม่นานจน เกินไป เพราะความสุดขั้วของอารมณ์ล้วนกระทบต่อสมดุลของธาตุภายในร่างกาย และเส้นลมปราณจะทำให้เกิดโรคได้

อารมณ์ดีใจ : เกี่ยวข้องกับหัวใจลำไส้เล็ก
โบราณกล่าวว่า “ดีใจเกินไปทำลายหัวใจทำให้เลือดไหลเวียนช้า” หัวใจมีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนเลือด ภาวะที่มีอารมณ์ดีใจ มีความสุข การไหลเวียนของพลังและเลือดจะไหลเวียนช้า ไม่ถูกเร่งเร้า มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อลดความเครียด เกิดความกระชุ่มกระชวย แต่ถ้าดีใจมากเกินไปจะทำให้จิตใจไม่รวมศูนย์ขาดสมาธิ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ประเดี๋ยวหัวเราะประเดี๋ยวร้องไห้ ขาดความสงบ ฟุ้งซ่าน หรือมีอารมณ์คลุ้มคลั่งวิปริตไป

อารมณ์โกรธ : เกี่ยวข้องกับตับ – ถุงน้ำดี
โบราณกล่าวว่า “โกรธมากเกินไปทำลายตับ ทำให้พลังวิ่งย้อนสู่เบื้องบน” เมื่อพลังตับย้อนสู่เบื้องบน คือ ภาวะไฟตับสูง ทำให้มีอาการหงุดหงิด ปวดศีรษะ ตามัว ปวดตา ตาบวม ความดันเลือดสูง ถ้าเป็นมากจะทำให้ปวดศีรษะรุนแรงและมีอาการวูบหมดสติ เป็นอัมพาต (ตรงกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและแตก) นอกจากนี้ยังทำให้ปวดชายโครง คัดแน่นเต้านมหรือมีก้อน ประจำเดือนมาผิดปกติ รู้สึกเหมือนมีก้อนในคอ แน่นท้อง บางรายมีอาเจียนเป็นเลือด คลื่นไส้อาเจียน

ตัวอย่างที่พบบ่อย คือ ผู้หญิงใกล้มีประจำเดือน ถ้ามีความผิดปกติของอารมณ์เป็นพื้นฐาน เช่น หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย จะมีอาการมากขึ้น และกระทบกระเทือนไปยังอวัยวะภายใน คือ ตับ ถุงน้ำดี ทำให้มีอาการปวดแน่น คัดเต้านม หรือมีก้อนที่เต้านม ซึ่งทำให้อยากกินอาหารรสเปรี้ยว (วิ่งเส้นตับ)

อารมณ์วิตก – กังวล : เกี่ยวกับม้าม – กระเพาะอาหาร
โบราณกล่าวว่า “วิตกกังวล ทำลายม้าม ทำให้พลังถูกอุดกั้น” การใช้ความคิดมากเกินไป คิดไม่ถูก คิดไม่เป็น คิดแล้วไม่มีทางออกที่ดี ทำให้เกิดอารมณ์อื่นๆ ตามมา ความวิตกกังวลเกินเหตุมีผลต่อระบบการย่อยดูดซึมอาหาร (แผนปัจจุบันเรียกว่า เครียดลงกระเพาะอาหาร) ทำให้เบื่ออาหารท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นท้อง เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ถ่ายเหลว ฯลฯ ถ้าเป็นเรื้อรัง จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ฯลฯ อันเป็นผลจากากรอุดกั้นของพลังขัดขวางการย่อยดูดซึมอาหาร และการพร่องของเลือดและพลังที่ไปเลี้ยงสมอง

อารมณ์เศร้าโศก – เสียใจ : เกี่ยวกับปอด – ลำไส้ใหญ่
โบราณกล่าวว่า “เสียใจเกินไปทำลายปอด ทำให้พลังสูญหาย” การเศร้าโศกเสียใจมากและเรื้อรังจะทำให้พลังการไหลเวียนปอดอุดกั้นและถูก ทำลาย ผู้ป่วยจะรู้สึกหดหู่ อ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรงเหนื่อยง่าย

อารมณ์กลัว – ตกใจ : เกี่ยวกับไต – กระเพาะปัสสาวะ
โบราณกล่าวว่า “กลัว ตกใจ เกินควรทำลายไต ทำให้พลังแปรปรวน พลังย้อนลงด้านล่าง” อารมณ์กลัว ตกใจเกินควรทำให้พลังที่เกี่ยวกับการพยุง เหนี่ยวรั้งลดน้อยลงทำให้ปัสสาวะอุจจาระอั้นไม่อยู่ (ตกใจจนฉี่ราด) ขา ๒ ข้างอ่อนแรง ฝันเปียก ภาวะจิตใจสับสน แปรปรวน พูดจาเพ้อเจ้อ พฤติกรรมผิดปกติ

ค่ะกำลังเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วใช่ไหม คำตอบคือแล้วฉันจะอารมณ์ไม่ดีไปทำไม เมื่อวานก็รู้แล้วระดับสารหลั่งสุขจะลดลงไปเมื่อเครียด

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากหมอชาวบ้าน
โดยAyurvedic Association of Thailand

 

ผลลบของชาเขียวต่อร่างกาย

ถ้าคุณไม่อยากเป็นแบบนี้กรุณราหลีกเลี่ยงชาเขียว

แม้ชาเขียวจะมีข้อดีมากมาย ทั้งบอกว่าต้านโรคมะเร็ง ต้านอนุมุนอิสระ รวมทั้งลดความอ้วน หรือลดความดัน
แต่ก็ใช่ว่าชาเขียวจะไม่มีภัยแฝงเร้น
เนื่องจากต้นชาเขียวนั้น ได้สะสมสารพิษชนิดหนึ่งเอาไว้ นั่นคือ Fluoride
Fluoride อันตรายอย่างไร ถ้าพูดภาษาง่ายๆ คือมันไปกร่อน กระดูก
เมื่อทานติดกันนานๆ พวกกระดูกอ่อน จะเสื่อมสภาพ อย่างเช่นภาพชายที่เห็นด้านบน เนื่องจาก กระดูกอ่อนที่
สันหลังเสื่อม ดังนั้นหลังจึงโก่งแลค่อมลงมา หากเราสังเกตุดีๆ
ชาวญี่ปุ่นเมื่อ อายุมาก จะหลังค่อมทุกคนซึ่งคนในหลายประเทศไม่เป็นเช่นนั้น
ซึ่งนี่เป็นผลจากสาร Fluoride ที่ว่านี้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมไปอ่านได้ที่
http://www.sixwise.com/newsletters/05/02/22/why_green_tea_would_be_healthy_except_for_this_one_dangerous_issue_004.htm

http://poisonfluoride.com/pfpc/html/green_tea___.html

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=795473