Tag Archives: ความงาม

เคล็ดลับสุขภาพ 12 ข้อ จากแพทย์จีน หากทำได้ รับรองไม่เจ็บป่วย ไกลโรคภัย

1. หวีผมบ่อยๆ : หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย แปรงเบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)

2. ถูใบหน้าบ่อยๆ : ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง

3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ : ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง

4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ : การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว Continue reading

5 ท่าพิชิตสะโพกใหญ่ กระชับบั้นท้ายให้สวยงามงอน

สิ่งที่เรียกสายตาจากเหล่าหนุ่มๆ ให้เหลียวหลังกลับมามองได้ นอกจากจะเป็นรูปร่างที่ดี มีซิกแพค ฯลฯ แล้ว ในปัจจุบันเริ่มมีกระแสความนิยมสะโพกใหญ่ ที่สาวๆ บางท่านอาจคิดกันไปต่างๆ นานาว่าการมีสะโพกที่ใหญ่นั้นจะทำให้บุคลิกของเราดูไม่ชวนมองหรือไม่ ดูแล้วเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่รักสุขภาพจึงสะโพกใหญ่หรือไม่ ดูแล้วเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่รักสุขภาพ แต่ความจริงแล้วการมีสะโพกที่ใหญ่ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปลักษณ์ที่มองดูแล้วรู้สึกถึงความแข็งแรงและเซ็กซี่มีเสน่ห์ไม่แพ้ส่วนอื่นของร่างกายเช่นกัน โดย Slimming เดือนนี้ มี 5 ท่าบริหารง่ายๆ ที่จะช่วยให้สะโพกดูใหญ่และแข็งแรงชวนมองเป็นอย่างยิ่งมาฝากกัน

Step 1 Donkey Kicks
เริ่มจากคุกเข่าลงพื้น วางมือทั้งสองข้างไว้บนพื้น โดยให้มือและแขนล้ำเกินหัวไหล่ไปข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นให้เตะขาขวาขึ้นด้านบนด้วยการยกสะโพกเล็กน้อย พร้อมกับการเกร็งก้น ทำขึ้นลงจนครบ 15 ครั้ง แล้วจึงสลับเปลี่ยนข้าง

แม่บ้าน3

Step 2 Doggy Hydrant
จัดท่าให้อยู่ในลักษณะเดิม (Step 1) แต่ครั้งนี้ให้เปลี่ยนลักษณะทิศทางเคลื่อนไหวของขา คือเปิดขาขวาไปทางด้านข้างลำตัวโดยพยายามให้ขาด้านในนั้นขนานกับพื้น แล้วจึงนำกลับไปสู่ตำแหน่งเดิม ทำขึ้นลงจนครบ15 ครั้ง แล้วจึงสลับเปลี่ยนข้าง

แม่บ้าน4 Continue reading

ผิวสวยอ่อนวัยใน 2 สัปดาห์ด้วยน้ำมันมะพร้าว

เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเพื่อความงามส่วนใหญ่ เรามาดูกันค่ะว่านอกเหนือจากการได้รับคุณค่าของน้ำมันมะพร้าวผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว เราจะสามารถนำตัวน้ำมันมะพร้าวเพียวๆ มาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง โดยน้ำมันมะพร้าวที่นำมาใช้กับผิว แนะนำให้เป็นน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สะกัดเย็นแบบ extra virgin เท่านั้นนะคะ น้ำมันมะพร้าวเกรดอื่นๆ อาจนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ สำหรับบริโภคเพื่อบำรุงระบบภายในแล้วก็แนะนำเป็นเกรด extra virgin เช่นเดียวกัน เพราะผ่านการสกัดเย็นแบบพิเศษที่จะทำให้ได้มวลน้ำมันที่อ่อนโยนเบาและไม่ค่อยระคายเคืองในการบริโภค ส่วนการใช้อุปโภคเช่นการนำไปเป็นน้ำมันส่วนผสมของสบู่นั้น สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเกรดใดๆ ก็ได้เลยค่ะ ตามแต่ทุนทรัพย์ของแต่ละท่าน

www.kioskapps.com

www.kioskapps.com

สำหรับวันนี้เราจะมาดูกันในส่วนของการใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อการดูแลบำรุงร่างกายภายนอกและผิวพรรณสักเล็กน้อยค่ะ

www.imhocm.com

www.imhocm.com

Continue reading

สูตรแก้มือเหี่ยวๆ..เหมือนมือคนแก่ ให้กลับมานุ่มเต่งตึงจนน่าตื่นตาตื่นใจ

ส่วนหนึ่งในวงจรชีวิตทางธรรมชาติของคนเรานั้น ที่จะเติบโตตามอายุขึ้นไปตามกาลเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจเลี่ยงได้ มันจะเริ่มส่งสัญญาณในขณะที่เรากำลังมี อายุมากขึ้น อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่ายกายภายนอกที่มองได้ด้วยตาเปล่า ไม่ว่าจะเป็นรอยตีนกา รูขุมขนที่ขยายมากขึ้น และจุดต่างๆบนใบหน้า คอ ที่เรา สังเกตเห็นได้ง่ายๆ

10

มือของเราส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเหี่ยวลงเมื่อเราอายุมากขึ้น โดยมือนับเป็นอวัยวะที่เราใช้มากกว่าส่วนอื่นๆของร่างกาย ไม่ว่าจะการทำอาหาร ทำความสะอาด และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เราจึงมาแนะนำบทความที่จะทำให้มือของคุณดูอ่อนเยาว์และนุ่มนานกว่าที่เป็นอยู่

เนื่องจากมือนับเป็นอวัยวะที่ได้สัมผัสกับเชื้อโรคและแบคทีเรียจากภายนอกมากที่สุด และมันเป็นสิ่งสำคัญมากที่ทำให้อาการเหี่ยวของมือเราเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าเราจะล้างออกในทันทีแล้วก็ตาม

เราจะทำเช่นเดียวกับการที่คุณใช้มือไปขัดผิวหน้าของคุณที่จะไปกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เพื่อให้มันดูนุ่มและสดชื่นอีกครั้ง ซึ่งสูตรที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ไม่ใช่ครีมที่ จะหาซื้อตามร้านราคาแพง แต่เป็นสิ่งที่เราจะสามารถทำมันขึ้นมาได้เองที่ให้ผลลัพธ์ได้ดีกว่า
Continue reading

ผู้หญิงล้านนากับการบำรุงรักษาเรือนกาย

การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย และความสวยความงามนับเป็นสิ่งสำคัญและเป็น ยอดปรารถนาของผู้หญิงทุกยุคทุกสมัย แต่จะใช้ อะไร ด้วยวิธีไหน และทำอย่างไร นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าในสมัยนั้นๆ มีวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ ครบถ้วน ทันสมัยเพียงใด สำหรับ ผู้หญิงล้านนาในสมัยก่อน แม้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะไม่เจริญก้าวหน้าเช่นปัจจุบัน ก็ใช่ว่าผู้หญิงล้านนาจะละเลยหรือไม่สนใจ บำรุงรักษาเรือนกายไม่ ตรงกันข้ามปรากฏว่าผู้หญิงล้านนากลับใช้ความได้เปรียบที่มีสมุนไพรอยู่รอบตัวอย่างอุดมสมบูรณ์ เป็นเครื่อง มือสำคัญ ในการบำรุงรักษาเรือนกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นผม ผิว ปาก มือ เท้า

เรือนผม เส้นผมของผู้หญิงที่คนโบราณถือว่าเป็นมงคล คือ มีเส้นเล็กและอ่อน การเอาใจใส่ดูแลเรือนผมของผู้หญิงล้านนา ใช้พืชธรรม ชาติ การสระผมในแต่ละครั้งของหญิงสาวโบราณ ใช้ฝักส้มป่อยประมาณ 10 ฝัก ย่างไฟให้เหลือง แล้วจึงนำไปแช่น้ำในถังหรือกะละมัง นานประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้มือขยำฝักส้มป่อยกับน้ำ น้ำจะเกิดฟองเล็กน้อย เมื่อจะสระผมให้ก้มหน้าและสยายผมลงไปในถัง แล้วใช้ฝ่ามือตักน้ำราดลงบนศีรษะ พร้อมทั้งใช้มือทั้ง 2 ขยี้และนวดเส้นผม ประมาณ ครึ่งชั่วโมง จึงล้างผมด้วยน้ำเย็น เช็ดให้แห้ง แล้วหวีให้เข้ารูป หลังสระผมแล้วจะรู้สึกได้ว่า หนังศีรษะสะอาด เส้นผมนุ่มสลวยและมีกลิ่นหอม

ต่อมาการสระผมของหญิงสาวใช้ผลมะกรูด โดยเลือกผลแก่มาประมาณ 2-3 ลูก ย่างไฟให้สุก แล้วจึงนำไปแช่น้ำในถังหรือ กะละมังที่เตรียมไว้ แล้วใช้มือขยำลูกมะกรูดให้น้ำมะกรูดผสมเข้ากับน้ำเย็น ก้มศีรษะและสยายผมลง ใช้ฝ่ามือวักน้ำขึ้นราดศีรษะ พร้อมกับขยี้เส้นผม และนวดหนังศีรษะให้ทั่ว ใช้เวลาสระประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก เท่านี้ก็รู้สึกได้ว่าหนังศีรษะสะอาด เส้นผม นุ่มสลวยเป็นเงางาม บางคนอาจจะเพิ่มใบหมี่เข้าไปด้วย โดยนำใบหมี่สัก 1 กำมือ มาต้มให้สุก แล้วนำผลมะกรูดย่างไฟใส่ลงไปใน น้ำต้มใบหมี่ จากนั้นจึงขยำผลมะกรูดให้ละลายในน้ำนั้น แล้วจึงนำไปสระผม

ถ้าศีรษะเป็นรังแค มีอาการคัน หญิงสาวจะนำใบตระไคร้ต้มน้ำให้สุก แล้วใช้ผลมะกรูดปิ้งไฟขยำลงไป นำไปสระผม จะช่วยขจัด รังแค และอาการคันศีรษะ

หลังจากสระผม และเช็ดให้แห้งแล้ว จึงลูบไล้ด้วยน้ำมันละหุ่งเพื่อให้ผมดำเป็นเงางาม จากนั้นจึงหวีแต่งผมให้เข้ารูป อาจจะ เกล้ามวยและปักปิ่นหรือประดับดอกไม้เพื่อความสวยงาม

คิ้ว หญิงสาวในสมัยโบราณที่ถูกชมว่าคิ้วสวย จะต้องมีคิ้วโก่งค้อมดุจคันศร และขนคิ้วจะเรียบ ดังนั้นถ้าใครคลอดลูกเป็นหญิง จะต้องลูบคิ้วเพื่อให้สวยเรียบตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะ โดยผู้เป็นแม่จะลูบคิ้วในขณะอาบน้ำเด็กทารก โดยการใช้นิ้วมือนิ้วชี้ลูบ ขนคิ้ว ตั้งแต่หัวคิ้วไปจนสุดหางคิ้ว ข้างละประมาณ 3-4 ครั้ง เชื่อว่าเมื่อเด็กโตขึ้นจะมีคิ้วโก่งและมีขนคิ้วสวยเรียบ

หู หญิงใดมีใบหูยาว ถือว่าเป็นหญิงที่มีใบหูสวย ในขณะที่แม่อาบน้ำให้กับทารก จึงใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับที่ใบหูแล้วลูบเบาๆ ตั้งแต่ใบหูด้านบนลงไปถึงติ่งหูด้านล่างเบาๆ ข้างละ 3-4 ครั้ง จะช่วยให้ใบหูของเด็กทารกยาวขึ้นในวันข้างหน้า เมื่อโตขึ้นประมาณอายุ ประมาณ 10 ขวบ ก็นิยมเจาะหูให้เป็นรูสำหรับใส่ต่างหู ลานหู หรือตุ้มหู เพื่อประดับใบหูให้สวยงาม และเพื่อเป็นการถ่วงให้ใบหูยาวลง อีกด้วย

การดูแลเอาใจใส่หูของหญิงสาวแต่ครั้งโบราณเพื่อให้มีหูสวย ในเวลาที่อาบน้ำก็จะใช้นิ้วขัดถูใบหูให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะ ด้านหลังใบหู ส่วนข้างในรูหูจะใช้ปุยฝ้ายพันปลายไม้เล็กๆ แยงเข้าไปเช็ดทำความสะอาด ไม่ให้มีขี้หูเกรอะกรัง

จมูก จมูกที่นิยมกันว่าเป็นมงคล มี 2 ลักษณะ คือ

1. จมูกกลมสั้น เป็นลักษณะจมูกของผู้มีทรัพย์สมบัติ

2. จมูกยาว เป็นลักษณะจมูก ของผู้มีบุญ จมูกของผู้หญิงที่คนโบราณนิยมว่าสวย คือมีดั้งจมูกคมเป็นสัน เป็นแนวตั้งแต่หัวคิ้วลงมาจนจรดปลายจมูก ที่เรียกกัน ว่ามีจมูกโด่ง เป็นจมูกที่ผู้หญิงแทบทุกคนใฝ่ฝันกันมาก บางรายจึงต้องใช้วิธีศัลยกรรมเสริมจมูก คนโบราณก็ชอบการมีจมูกโด่ง เช่นเดียวกับคนปัจจุบัน ดังนั้นผู้เป็นแม่ที่รักความสวยความงาม จะแต่งจมูกให้ลูกตั้งแต่ยังเป็นทารก โดยหลังจากที่อาบน้ำให้ทารก แล้วจะใช้นิ้วมือบีบที่ดั้งจมูกทุกวัน เพราะกระดูก เนื้อ หนัง ของเด็กยังอ่อนบาง สามารถบีบแต่งได้ง่าย

ปาก ปากเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ถือว่าสำคัญ ใบหน้าสวยแต่รูปปากไม่งามก็หมดท่า โดยเฉพาะผู้หญิงถ้ามีรูปปากสวยเป็นคน ที่มีเสน่ห์ รูปลักษณะของปากมีหลายประเภท เช่น ปากรูปกระจับ ปากรูปราหู ปากจู๋ ปากแบน ปากหนา เป็นต้น ปากรูปกระจับ มีลักษะ คล้ายกับกระจับ ที่ขึ้นในน้ำ ถือว่าเป็นรูปปากที่งาม ปากรูปราหู เป็นรูปปากที่ไม่ค่อยสวย และคนโบราณยังเชื่อกันว่า หญิงใดที่มีปาก เป็นรูปราหู มักจะเป็นคนพูดจาร้าย ด่าเก่ง

ปากงามนั้นนอกจากจะมีรูปลักษณะงามแล้ว ผิวของปากต้องมีสีชมพูเรื่อ ขอบปากไม่ดำ ผู้หญิงสมัยโบราณ โดยเฉพาะผู้ที่มี ปากงาม จะคอยรักษาผิวที่ริมฝีปากของเธออยู่เสมอ

สิ่งที่ทำให้ปากหมดสวยคือขณะที่ปาก “เป็นขาง” (ปากนกกระจอก) ซึ่งเป็นโรคชนิดหนึ่ง คนแต่โบราณเชื่อว่าเกิดจากการ รับประทานขนมหวานและมัน หรือผลไม้ที่หวานมากเกินไป

ถ้าเป็นฤดูหนาวสิ่งที่ทำให้ปากไม่สวย คือสิ่งที่คนล้านนาเรียกว่า “ปากแตก” คือริมฝีปากจะแห้งและตึง จากนั้นหนังจะลอก เป็นขุย บางครั้งอาจถึงกับเลือดออก เชื่อกันว่าการใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะเมื่อเวลานอน ทำให้เกิดการปากแตก เมื่อปากแตกจะใช้ “เหงื่อไหข้าว” (คือ ไอน้ำที่เกิดขึ้นขณะนึ่งข้าวเหนียว ผ่านเมล็ดข้าวขึ้นมาเกาะบริเวณไหข้าวด้านใน) ทาริมฝีปาก โดยใช้นิ้วมือแตะ ไอน้ำนั้นแล้วทาบนริมฝีปาก ก็จะหายจากการปากแตก

อีกอย่างหนึ่งที่นิยมใช้ทาปากเมื่อเกิดปากแตก คือ น้ำมันมะพร้าว จะช่วยให้ปากไม่แห้งตึงและยังทำให้ริมฝีปากเป็นมันงาม อีกด้วย ภายหลังมีการใช้นวดหรือครีมทาปากแทน

เล็บมือเล็บเท้า การดูแลเอาใจใส่เล็บมือเล็บเท้าของผู้หญิงสมัยก่อนนั้น ถ้าเป็นหญิงที่เกิดในตระกูลสูง การดูแลง่าย เพราะมีมือมีเท้าที่สะอาด อยู่แล้ว เพียงแต่คอยตัดแต่งด้วยมีดขนาดเล็กไม่ให้มีเล็บยาวมากเกินไป และใช้ด้านในของใบตองกล้วยแห้งขัดถู จะทำให้เล็บ ไม่หนาและเป็นเงางาม

ส่วนผู้หญิงชาวบ้านทั่วไป มีความลำบากในการเอาใจใส่ดูและเล็บมือเล็บเท้า ถ้าเป็นฤดูทำนาก็ยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะการ ทำนาต้องแช่อยู่กับน้ำกับดินตลอด จึงทำให้เล็บหนาและดำ แต่หญิงชาวบ้านชาวนาก็พยายามเอาใจใส่เพื่อให้มีเล็บงามเท่าที่จะทำได้ ถ้าเป็นเล็บมือจะตัดแต่งด้วยปลายมีดที่ใช้ผ่าลูกหมาก ใช้ไม้แคะเอาเศษดินออก ถ้าเล็บหนาใช้เศษกระจกขูดให้บาง และคอยล้างด้วย น้ำมะกรูดหรือน้ำมะนาวเพื่อช่วยให้เล็บขาวและสะอาด ถ้าเป็นเล็บเท้าจะเอาใจใส่คล้ายเล็บมือ แต่เล็บเท้ายากกว่า เพราะเท้าจะ แช่อยู่ ในโคลนเมื่อเวลาทำนา ถ้าเล็บแดงเพราะน้ำราก (น้ำที่มีสนิมเหล็กเจือปน มีสีเหลืองๆ ส้มๆ) ก็จะใช้น้ำหินส้ม (สารส้ม) ล้างเป็นประจำ

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บแม่ญิงล้านนา

 

 

อายุที่ไร้กาลเวลา

 

สาวใหญ่(มาก) ชาวสหรัฐ Annette Larkins ผู้ซึ่งตอนนี้อายุเลยเลข 7 ไปแล้ว แต่กลับยังใบหน้าและรูปกายคล้ายสาววัยกลางคน แม้แต่กระทั่งเวลาที่เธอออกไปข้างนอกกับสามีวัย 50 กว่า ก็กลับมีคนทักว่าเป็นลูกสาวไปซะด้วยซ้ำ

เคล็ดลับของคุณป้า กล่าวว่าอยู่ที่การรับประทานพืชผักและธัญพืชที่ไม่ผ่านกรรมวิธีทั้งการปรุงรส และการปรุงให้สุข จากในสวนที่เธอปลูกเอง นอกจากนี้ คุณป้ายังบริโภคแต่น้ำฝนที่เธอรองเอง ทั้งใช้บริโภค และใช้รดหล่อเลี้ยงพืชพรรณภายในสวนของเธอ ซึ่งเธอกล่าวว่าเป็นเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งด้วย

เราเห็นหลายๆ คนที่จริงๆ ก็ปฏิบัติตัวใกล้เคียงกันนี้แต่ก็ไม่ได้ดูมีรูปร่างหน้าตาที่ดูอ่อนกว่าวัยมากมายขนาดนี้ บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องของยีนส์พิเศษเฉพาะบุคคลด้วยก็เป็นได้

ที่จริงแล้วคุณป้าอดีตก็เคยเป็นคนที่เป็นนักบริโภคเนื้อสัตว์มาก่อน แต่หลังจากเลิกพฤติกรรมทั้งมวลและหันมาบริโภคตามแนวทางที่ใช้อยู่ปัจจุบันมายี่สิบกว่าปี ผลก็เป็นอย่างที่เห็น ซึ่งสามีของคุณป้าที่อายุเพียงห้าสิบกว่าๆ เท่านั้น ปัจจุบันต้องทนทุกข์กับโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ต้องทานยามากมาย แต่คุณป้ากลับไม่ต้องทานแม้แต่ยาแก้ปวดหัวด้วยซ้ำ ซึ่งสามีคุณป้าก็หวังว่าวันนึงจะได้เดินตามรอยคุณป้าเพื่อสุขภาพและความเยาว์วัยอย่างยั่งยืนด้วยอีกคน

หนุ่มสาวในยุคปัจจุบันที่ยังหลงอยู่กับคำโฆษณาชวนเชื่อของบริษัทเคมีภัณฑ์เพื่อความงามต่าง ๆ บางทีจะลองหันมาตามรอยคุณป้า เพื่อสุขภาพและความงามที่ยั่งยืนกว่า ก็คงจะไม่เสียหายอะไรถ้าไม่ลำบากกับการดำเนินชีวิตเกินไป

ที่น่าคิดคือ ถ้าเป็นเมืองไทย และเป็นคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ที่แออัดและหนาแน่นอย่างกรุงเทพ หรือหัวเมืองใหญ่ๆ บางเมือง จะสามารถรองน้ำฝนมาใช้อุปโภคบริโภคโดยไม่อันตรายได้เหมือนคุณป้าหรือเปล่า

สัมภาษณ์คุณป้า

ขอบคุณต้นเรื่องจาก เฟซบุ๊คเพจ ชุมชนคนใจดี บ้านสายรุ้ง
ตามไปอ่าน http://www.odditycentral.com/news/70-year-old-woman-looks-like-she-just-turned-40-thanks-to-vegan-diet-and-rainwater.html?utm_source=scribol.com&utm_medium=referral&utm_campaign=scribol.com

มหัศจรรย์ น้ำมันมะพร้าว

มาลดความอ้วนด้วยน้ำมันมะพร้าว

ผู้อ่านไม่ต้องแปลกใจ ทำไมฉบับนี้ผู้เขียนจึงต้องหยิบเรื่องการลดความอ้วนมาเขียนทั้งที่ไม่ได้เป็นหมอ ผมเองได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับมหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าวที่ อาจารย์ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย ได้เขียนไว้น่าสนใจมากๆ เกี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวที่มีความมหัศจรรย์มากมาย ที่ยังไม่รู้และไม่เข้าใจ แต่พอได้อ่านได้สัมผัส และได้ทดลองใช้กับผู้เชียนเองได้ผลดีมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะเกี่ยวกับการลดความอ้วนและน้ำหนักได้ดี การที่ผมได้หยิบเอาเรื่องเกี่ยวกับความอ้วนมาเขียนนั้นก็เพราะว่า อดเป็นห่วงสุขภาพเพื่อนสมาชิกไม่ได้ เพราะความอ้วนเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายรวมถึงมีภาวะที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าคนปกติ โรคที่พบบ่อย ได้แก่ ไขมันในเส้นเลือด ความดันโลหิตสูง นอกจากนั้นคนอ้วนมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงกว่าคนปกติถึง 2 เท่า โรคหัวใจ และมีโอกาสเป็นโรคหัวใจเสื่อมถึง 70% โรคเบาหวาน โรคข้อเสื่อม และข้ออักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งบางชนิด และโรคอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งทำให้เสียบุคลิคภาพดูไม่สวยงาม

ในปัจจุบันจะได้เห็นได้ว่านิยมผู้ที่มีรูปร่างผอมเพรียว โดยเฉพาะวงการนางแบบที่ต้องการรูปร่างเป็นใบเบิกทาง สำหรับบางคนที่เกิดมาหุ่นดีถือว่าโชคดีไป แต่บางคนเกิดมาหุ่นไม่ดีแล้วแถมยังกินไม่บันยะบันยังแล้วความอ้วนก็จะตามมาอย่างทันตาเห็น แต่พ่อจะลดน้ำหนักก็ลดยาก ก็หันไปพึ่งหมอทั้งดูดไขมัน กินยา ลดความอ้วน กินมากเข้าก็มีปัญหาสุขภาพและผลข้างเคียงมากมาย สำหรับการกินยาเพื่อลดความอ้วน ก็จะได้ผลเพียงชั่วครั้งชั่วคราว พอหยุดยาก็กลับมากินอาหารแบบทวีคูณ หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า YoYo ซึ่งทำให้เสียงทั้งเงินและสุขภาพ

ทำไมเราจึงอ้วน

กินอาหารมากเกินไป อาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพื่อนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และใช้เผาผลาญเป็นพลังงาน แต่ถ้าหากรับประทานมากเกินไปและใช้ไม่หมด เนื่องจากไม่มีการออกกำลังกาย หรือไม่มีกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน อาหารก็จะเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อสำรองใช้ยามจำเป็น จึงเป็นสาเหตุของความอ้วน

ความผิดปกติของต่อมที่ควบคุมการเจริญเติบโต คนที่เป็นโรคที่ต่อมธัยรอยด์ทำงานในระดับต่ำกว่าปกติ (hypothyroidism) ทำให้มีอัตราการเมทาบอลิสซึมช้าลง โดยเฉพาะไปเพิ่มไขมันเลว LDL แต่น้ำมันมะพร้าวสามารถเปลี่ยน LDL ให้เป็นเปรกนีโนโลน (prenenolone) โปรเจรเตอรอล (progesterol) และดีไฮโดรปิแอนโดรสเตอรอล (dehydropiandrosterol DHEA) สารเหล่านี้ช่วยทำให้คงระดับการเผาผลาญอาหาร จึงไม่มีอาหารสะสมเป็นไขมัน (Lee, 2005) ในทำนองเดียวกันกบผู้สูงวัยก็มักจะอ้วนขึ้น ทั้งนี้้เพราะความผิดปกติของต่อมธัยรอยด์

กินไขมันไม่เพียงพอ มีผลงานวิจัยที่แสดงว่า คนที่บริโภคอาหารที่มีไขมันอย่างเพียงพอจะกินอาหารน้อยกว่าคนที่พยายามลดไขมันในอาหาร ยิ่งคุณกินน้อยลงเท่าไหร่ ปริมาณแคลอรีก็น้อยลงตามไปด้วย การได้ปริมาณไขมันในอาหารอย่างเพียงพอมีความจำเป็นสำหรับการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ และอย่างถาวร เหตุผลอันหนึ่งที่ไขมันมีความจำเป็นสำหรับการลดความอ้วน เพราะมันทำให้เราอิ่มทนไม่หิวเร็ว

การเคี้ยวอาหารน้อยลง มีข้อสังเกตว่า คนอ้วนมักจะรับประทานอาหารรวดเร็ว ไม่ค่อยเคี้ยวทำให้รับประทานได้มากกว่า จะมีการส่งสัญญาณจากกรเพาะไปยังสมองให้รับรู้และอิ่ม (ชุติมา, 2550) ดังนั้นจึงไม่เกิดความอยากกิน ผลคือเรากินอาหารน้อยลง

น้ำมันมะพร้าวช่วยลดความอ้วนได้อย่างไร

หลายท่านอาจมีคำถามที่ค้านอยู่ในใจว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันที่อิ่มตัวและเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้อ้วนไปกันใหญ่หรือ? ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวนั้นมันจะมีคุณสมบัติหลายประการ คือ (Fife, 2005 a)

1. ให้พลังงานน้อย และเปลี่ยนเป็นพลังงานทันที : เนื่องจากเป็นกรดไขมันขนาดกลาง น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นไขมันที่มีพลังงานน้อยที่สุด คือเพียง 8.6 แคลอรี่ต่อกรัม เปรียบเทียบกับไขมันชนิดอื่นๆ ซึ่งให้พลังงานถึง 9 แคลอรีต่อกรัม นอกจากนั้น น้ำมันมะพร้าวยังย่อยได้ง่าย และเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว เมื่อบริโภคเข้าไป มันจะผ่านจากลำคอไปยังกระเพาะต่อไปยังลำไส้ แล้วไปเปลี่ยนเป็นพลังงานในตับ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง โดยไม่เปลี่ยนเป็นไขมันที่จะไปสะสมในร่างกายเช่นเดียวกับน้ำมันอื่นๆ จากการศึกษาเปรียบเทียบการบริโภคน้ำมันชนิดต่างๆ Ingle และคณะ (1999) และ Enig (1999) พบว่ากรดไขมันอิ่มตัวที่มีสูตรโครงสร้างสั้น ลดการสังเคราะห์และการเก็บสะสมไขมัน ดังนั้นการบริโภคเนยหรือน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีไขมันอิ่มตัวที่สูตรโครงสร้างสั้นและปานกลาง จึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน โดยการบริโภคอาหารที่มีไขมันต่ำ แต่เป็นไขมันที่มีโอเลกุลมีความยาวมาก และโดยเฉพาะเป็นน้ำมันที่ไม่อิ่มตัวกลับอ้วนกว่าเดิม

2. กระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ : น้ำมันมะพร้าว กระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน หรือเมตาบอลิซึม ทำงานได้รวดเร็วขึ้น จึงช่วยทำให้อาหารอื่นที่รับประทานเข้าไร้อมกับน้ำมันมะพร้าว เปลี่ยนไปเป็นพลังงานจึงมาสะสมเป็นไขมันร่างกาย

3. ช่วยนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานนอกจากตัวของมัน และอาหารที่บริโภคเข้าไปพร้อมกัน จะเปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างรวดเร็วแล้ว น้ำมันมะพร้าว ซึ่งไปเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึมในอัตราที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความร้อนสูง (thermogenesis) คล้ายกับบุคคลประเภทไฮเปอร์ธัยรอยด์ (hyperthyroid) ที่ต่อมธัยรอยด์ทำงานในอัตราที่สูงกว่าคนธรรมดา บุคคลพวกนี้จึงใช้พลังงานมาก (เพราะเป็นคนประเภทกระฉับกระเฉง และไม่อ้วน) เพราะอาหารที่รับประทานเข้าไปพร้อมกับน้ำมันมะพร้าว ถูกเผาผลาญเป็นพลังงานจนหมดสิ้นไม่สะสมเป็นไขมันในร่างกาย และจากผลของ thermogenesis ยังไปนำไขมันที่ร่างกายสะสมไว้ ออกมาใช้เป็นพลังงาน ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงช่วยลดความอ้วนได้

วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วน

เราสามารถบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วนได้หลายวิธี ที่นิยมและแพร่หลายคือ

1. บริโภคน้ำมันโดยตรง ได้แก่ การนำน้ำมันมะพร้าวเข้าปากโดยใช้ช้อน หรือดื่มจากภาชนะ การใช้ช้อน จะช่วยให้กะปริมาณได้ใกล้เคียงกับที่ต้องการ เช่น กี่ช้อนโต๊ะ ในขณะที่ดื่มจากภาชนะ สะดวก แต่กะปริมาณไม่ได้ดี หลายคนมักจะคิดว่า การบริโภคน้ำมันมะพร้าว เป็นของยาก เพราะใจคิดอยู่เสมอว่าน้ำมันมะพร้าว ก็คือน้ำมันพืช ซึ่งเหนียวเหนอะหนะ และเวลาดื่มเข้าไปในลำคออาจคลื่นไส้ แต่ในความเป็นจริง น้ำมันมะพร้าวมีกลิ่นหอม ไม่เหนือเหนอะหนะและสามารถดื่มลงคอได้โดยสะดวก ไม่มีติดอยู่ที่คอเหมือนน้ำมันพืชชนิดอื่น การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะรับประทานในอัตรา 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร 30 นาที หรือทุกวันหลังจากตื่นนอน ให้ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะทันที (เติมน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักตัวทุกๆ 23 กิโลกรัมที่เกินจากน้ำหนักมาตราฐาน) จะเป็นสูตรลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน

2. ผสมในอาหารและเครื่องดื่ม น้ำมันมะพร้าวสามารถเข้ากันได้กับอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น ซุป โจ๊ก แกงจืด น้ำส้ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน ฯลฯ โดยไม่ได้ทำให้อาหารและเครื่องดื่มเปลี่ยนรสชาติ หรือสูญเสียคุณค่าทางอาหาร และความอร่อยไป

3. ปรุงไปในอาหาร เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารได้ โดยการผัด หรือทอด (ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนเป็น ทรานส์แฟตส์ (trans fats) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เหมือนน้ำมันไม่อิ่มตัวทั้งหลายที่ถูกกับความร้อนสูง) หรือแม้แต่เป็นตัวทำให้อาหารไม่ติดกระทะ หรือภาชนะ เช่นในการเจียวไข่ ทำพิซซ่า

4. ใช้ร่วมกับสปา สปา (spa) เป็ฯคำย่อของศัพท์ภาษาละติน Sanus Per Aqua หมายถึง วิธีการดูแลสุขภาพโดยการทำความสะอาด และเสริมอาหารบำรุงให้ลึกถึงผิวชั้นใน มีิวิธีต่างๆ เช่น การนวด การบำบัดด้วยน้ำ การใช้กระแสไฟฟ้า ปัจจุบันมีการใช้น้ำมันมะพร้าวในกิจการสปามากมาย เพราะซึมเข้าในร่างกายได้เร็ว มักผสมด้วยน้ำมันหอมระเหยเพื่อช่วยให้มีกลิ่นหอม โดยใช้นวดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดความอ้วนไปในตัว

พิมพ์จาก ข่าวสาร สหกรณ์ออมทรัพย์กรมวิชาการเกษตร จำกัด คณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 35 ปีที่ 35 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

เอกสารอ้างอิง

ณรงค์ โฉลมเฉลา.2552.น้ำมันมะพร้าวลดความอ้วนได้อย่างไร?.เอกสารวิชาการฉบับที่ 2/2552.ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย,กรุงเทพฯ

ณรงค์ โฉมเฉลา.2552.สวยด้วยน้ำมันมะพร้าว เอกสารวิชาการฉบับที่ 1/2552.ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย,กรุงเทพฯ

ชุติมา ศิริกุลชยานนท์.2550.การเคี้ยวรักษาโรคอ้วนและสมองเสื่อมได้จริงหรือ.วารสารโภชนาการ:ปีที่ 42 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน หน้า :38-39

อาหารเช้าป้องกัน "โรค+อ้วน"

มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะไม่เพียงเติมพลังงานให้ร่างกายและสมองให้พร้อมที่จะทำงานอย่างมี ประสิทธิภาพตลอดวัน อาหารเช้ายังป้องกันโรคเบาหวาน หัวใจและโรคอ้วนได้อีก

อาหารเช้าลดน้ำหนัก

ใครที่ลดน้ำหนักอยู่ และคิดว่าการงดอาหารเช้าจะช่วยให้ผอมได้ คุณกำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้าม การงดอาหารเช้าทำให้ร่างกายลดระบบเผาผลาญลง สมองจะหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า นิวโรเพปไทด์ วาย (neuropeptide Y) ซึ่งจะส่งสัญญาณให้คุณกินโดยไม่รู้ตัว มีภาวะที่เรียกว่า ” อาการกินกลางคืน ” (night eating syndrome) คือเมื่อเริ่มกินมื้อกลางวันแล้ว คุณจะหยุดไม่ได้จนกระทั่งเข้านอน

คนที่งดอาหารเช้ามักกินจุบจิบและเลือกอาหารที่กินสะดวก ซึ่งอาจมีไขมัน น้ำตาลและแคลอรีสูง นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดยืนยันว่า ไม่ว่าหญิงหรือชายที่กินอาหารเช้าทุกวันจะอ้วนยากกว่าคนที่งดอาหารเช้า นอกจากนี้ นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์แมทสาชูเสทยังพบว่า คนที่งดอาหารเช้าบ่อยๆ มีแนวโน้มจะอ้วนได้มากกว่าคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำถึง 450% ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ กลุ่มผู้หญิงที่กินอาหารเช้าที่มีแคลอรีมากกว่ามื้ออื่นๆ จะลดน้ำหนักลงได้ดีกว่า และ 78% ของคนที่ลดความอ้วนแล้วสามารถประคับประคองน้ำหนักให้คงที่ได้ เป็นพวกที่กินอาหารเช้าทุกวัน ทำไมการกินอาหารเช้าทำให้น้ำหนักลดได้ ยังไม่มีคำตอบชัดเจน รู้แต่เพียงว่า อาหารเช้าช่วยให้หิวน้อยตลอดวัน อย่างไรก็ตามคุณภาพและปริมาณอาหารเช้ามีความสำคัญ ควรจัดให้มีความสมดุลของสารอาหาร และเพื่อลดน้ำหนักจะต้องไม่กินมากเกินไป

อาหารเช้าลดโรค

การกินอาหารเช้าช่วยป้องกันโรคหัวใจ และน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นอาการเตือนของโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย จากผลการวิจัยคนที่กินธัญพืชไม่ขัดสีทุกวันเป็นอาหารเช้ามานานกว่า 5 ปี จะมีอายุยืนขึ้น เพราะธัญพืชไม่ขัดสีมีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเทอรอลในเลือดและความดันโลหิต ส่งเสริมให้ร่างกายใช้กลูโคสและฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น ธัญพืชที่มีโปรตีนถั่วเหลืองผสมจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มขึ้น เพราะโปรตีนถั่วเหลืองช่วยลดระดับคอเลสเทอรอลในเลือดได้ ส่วนอาหารที่มีองค์ประกอบของกรดโฟลิค วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 จะช่วยลดสารโฮโมซิสเตอีนในเลือดซึ่งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือด
อาหารเช้าเพิ่มพลังสมอง
ระหว่างที่นอนหลับร่างกายเรายังคงใช้พลังงานตามปกติ พลังงานเหล่านั้นมาจากกลูโคสที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ กว่าจะถึงเช้ากลูโคสมากกว่าครึ่งจะถูกใช้ไป ร่างกายจึงต้องการเติมพลังงาน ซึ่งอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตจะเป็นตัวเริ่มขับเคลื่อนพลังงานให้กับร่างกาย ได้ดีที่สุด

สมองของคนเราก็ใช้กลูโคสเป็นพลังงานด้วยเช่นกัน แต่สมองไม่สามารถเก็บสะสมกลูโคสส่วนที่เหลือได้เหมือนกับการที่ร่างกายสะสม พลังงาน ฉะนั้นอาหารเช้าจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้สมองเราทำงานได้เฉียบไว หากงดอาหารเช้า คุณอาจไม่รู้สึกอะไร เพราะมีพลังงานสำรองจากการพักผ่อน แต่พอใช้หมดไปร่างกายจะเข้าสู่ภาวะเครียด และแม้ว่าจะกินชดเชยในมื้อเที่ยง ก็สายเกินไป เพราะเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานส่วนนั้นได้ผ่านไปแล้ว
กินอะไรดีที่สุดสำหรับสมอง

นักวิจัยได้ลองให้ชาย – หญิง 22 คน อายุ 60-70 ปี ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ โปรตีนล้วน ไขมันล้วน เครื่องดื่มทั้ง 3 ชนิดให้พลังงานช่วยให้การทำข้อสอบเกี่ยวกับความจำระยะสั้นดีขึ้น แต่ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มคาร์โบไฮเดรตทำได้ดีที่สุด ในการทบทวนความจำหลังจากดื่มไป 1 ชั่วโมง ชี้ให้เห็นว่าคาร์โบไฮเดรตมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง
เมื่องดอาหารเช้า เราจะไม่ได้สารอาหารสำคัญที่ช่วยความจำตลอดวัน แม้แต่การขาดสารอาหารเพียงเล็กน้อย ประเภทกรดโฟลิค วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 ก็จะลดความจำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น คนสูงอายุจะดูดซึมวิตามินบี 12 ได้น้อยลง เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คนที่อายุ 50 ปีขึ้นไปเสริมกรดโฟลิค ซึ่งมีมากในธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียวจัด ถั่ว น้ำส้มคั้น ฯลฯ

อาหารเช้าที่ควรใส่ใจ

ถ้าต้องการให้ร่างกายได้ประโยชน์จากอาหารเช้ามากขึ้น ควรพิจารณาเลือกชนิดอาหารที่มีองค์ประกอบดังนี้
•    คาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อน ดีที่สุดสำหรับอาหารเช้า เพราะจะค่อยๆ ปลดปล่อยกลูโคสให้กับสมองโดยใช้เวลานานขึ้นในการย่อยและดูดซึม แนะนำให้เลือกธัญพืชไม่ขัดสีและผลไม้
•    โปรตีน อาหารทะเลให้กรดอะมิโน เพื่อผลิตสารสื่อข่าวสมอง ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินบีและโคลีนช่วยการทำงานเกี่ยวกับความจำ แม้ไข่มีคอเลสเทอรอลสูง แต่ไข่วันละฟองในมื้ออาหารที่สมดุลนั้น ข้อมูลการวิจัยเปิดเผยว่าไม่เป็นผลเสีย
•    อาหาร แคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต นมถั่วเหลือง หรือธัญพืชเสริมแคลเซียม น้ำส้มเสริมแคลเซียม ช่วยในการเผาผลาญไขมันและลดการสะสมไขมันในร่างกาย

ที่มา : http://www.healthandcuisine.com

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
ฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร
35 เทคโนธานี คลองห้า ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 10120
โทร.: (662) 577-9000, 577-9155-56
โทรสาร : (662) 577-9128, 577-9009

http://www.tistr-foodprocess.net/food_health/food_health8.htm

ชาเขียวกับความงาม : Wikipedia

สูตรน้ำแร่ชาเขียว นำน้ำแร่มาต้มให้เดือด ใส่ชาเขียวแบบผงหรือใบชาลงไป อาจเพิ่มใบสะระแหน่สักเล็กน้อย แล้วทิ้งไว้ให้เย็น หรือนำไปแช่ในตู้เย็น ถ้าใช้ใบชา ควรกรองเอาแต่น้ำ เทใส่ขวดสเปรย์ ใช้เป็นสเปรย์น้ำแร่ชาเขียว จะเพิ่มความชุ่มชื่นและความเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า ฉีดได้ทุกเวลาที่ต้องการความสดชื่น

สูตรถนอมผิวรอบดวงตา ต้มชาเขียวกับน้ำเดือด แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด แล้วใช้สำลีชุบชาเขียวให้เปียกชุ่ม นำมาวางบริเวณเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จะช่วยลดร่องรอยความอ่อนล้าของผิวรอบดวงตา และยังลดการบวมของเปลือกตาและถุงใต้ตา ผิวจะนุ่มนวลและดูสดชื่นขึ้น

สูตรลดน้ำหนัก ดื่มชาเขียววันละ 3 แก้ว จะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญพลังงานและและไขมันของร่างกายได้

เนื่องจากประโยชน์ที่มีมาก ชาเขียวจึงไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องดื่มอีกต่อไป แต่ยังเป็นสารอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7