Category Archives: สูตรยาพื้นบ้าน

ตำรับยากวนมะกรูด กินแก้ปวดเมื่อย แขน ขา ชา ไม่มีแรงอ่อนเพลีย หนาวง่าย

20

สรรพคุณ :
แก้ลม มือเท้าชา แก้กษัย แก้ปวดสรรพางค์กาย ช่วยขับลม ผายลมอ

สูตร :
ลูกมะกรูด 33 ลูก นำไปต้มสุก พริกไทย เกลือ แห้วหมู บอระเพ็ด อย่างละ 1 ถ้วยชา บดละเอียดจากนั้นนำไปกวนผสมมะกรูด กวนจนเข้ากันแห้งดี ปั้นได้ ทำเป็นลูกกลอน

วิธีรับประทาน :
ครั้งละ 2-3 เม็ด ลูกกลอน ก่อนอาหาร เช้า เย็น

ขอบคุณที่มา :
https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/1118271478237924/?type=3
http://www.rak-sukapap.com/2016/07/7-11.html

ยาหอม

วันนี้มีอาการเกี่ยวกับลมเลยได้ถึงคราวหยิบจับยาหอมมาทาน เลยทำให้นึกสนใจลองหาข้อมูลเรื่องยาหอมมาเก็บรวบรวมไว้ ขอรวบรวมไว้ ณ เท่าที่หาได้ในขณะนี้ค่ะ เครดิตของแต่ละแหล่งข้อมูลอยู่ท้ายของแต่ละบทความเลยค่ะ


262018_229970100365259_100000568111797_921644_6049295_n

women.thaiza.com

ยาหอมไทยแต่ดั้งเดิมมา

ยาหอม แสดงว่ายานั้นต้องหอม โบราณตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ แล้วยานั้นหอมได้อย่างไร หอมแบบไหน

ทำอย่างไร และใช้อย่างไร

ตำรับยาต้องประกอบด้วยสมุนไพรสองชนิดขึ้นไปเสมอ ยาหอมจึงเป็นยาไทยที่ปรุงจากของหอมหลากหลาย ชนิดมาจากพืชบ้างสัตว์บ้างและแร่ธาตุต่างๆบ้าง มาทั้งจากต่างประเทศ เรียกเครื่องหอมเทศ และมาจากถิ่นที่ของตนในที่นี้ขอเรียก เครื่องหอมไทย นำมาผสมผสานกัน ได้เครื่องหอมเป็นยา ซึ่งความหอมที่ได้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของสรรพคุณรักษาด้วย หมอไทยจึงทำยานั้นให้หอม เป็นการรักษาทางกลิ่นสัมผัส ในแผนไทยเรากำหนดสรรพคุณของสมุนไพรด้วยรสของสมุนไพรนั้น โดยแบ่งเป็น รส จะขอกล่าวเพียง รส คือ รสหอมร้อน และ รสหอมเย็น

เมื่อนำมาทำเป็นยาหอมจะได้ยาหอม รส คือ ยาหอม ออกทางร้อน และยาหอมที่ไม่ร้อนไม่เย็น เรียก ยาหอม ออกทางสุขุม ใช้รักษาอาการทางลมที่แตกต่างกันเป็น กอง คือกองลมในไส้,นอกไส้ ใช้ยาหอม ออกทางร้อน และกองลมตีขึ้นเบื้องบน ใช้ยาหอม ออกทางสุขุม แต่ถ้าจะกล่าวโดยละเอียด ยาหอมสุขุม ยังแบ่งออกเป็น ยาหอมสุขุมร้อน และยาหอมสุขุมเย็นอีก ที่หมอไทยแบ่งออกโดยละเอียดด้วยเหตุที่ลมร้อนนั้นร้อนต่างกัน ลมจึงไปก่ออาการได้หลายตำแหน่งในร่างกาย ตามธรรมชาติของความร้อนไอร้อนที่ลอยขึ้นบนเสมอ Continue reading

ทะลวงหลอดเลือด ด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และคนที่คุณรัก

ชายชาวลอนดอนคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเขาไปประชุมที่ปากีสถาน เกิดมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขา 3 เส้นอุดตันอย่างรุนแรง จำเป็นต้องผ่าตัดทำบายพาส. กำหนดการผ่าตัดคืออีก 1 เดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณ หมอบำบัดให้เขาทำยาทานเองที่บ้าน เมื่อทานครบ 1 เดือน ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเดียวกันก่อนผ่าตัด พบว่าเส้นเลือดทั้ง 3 เส้นใสสะอาด ที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงออกหมด เพื่อช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโชว์ภาพถ่ายเส้นเลือดของเขาก่อนและหลัง เพื่อให้แสดงความแตกต่างก่อนและหลังทานยา

1 Continue reading

ยาไทยรักษาเริม

สมัยตอนเป็นเด็กวัด ที่วัดท่าเรือแกลง
เป็นเริมขึ้นเอว หลวงตาบอกว่า ไอ้หนู
มึงไปหาลูกกล้วยอ่อนมาทา หายครับ
แล้วก็บอกต่อผู้คนมาตลอด หายทุกราย
บางรายรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
ในระยองไม่หายก็มาหายกับผมจะใช้
กล้วยน้ำหว้าที่อ่อนอ่อนนะครับ
หลักการ
เคยปรึกษา นพ.ฉลอง ควรหา ว่า
ทำไมมันจึงได้ผล ท่านบอกว่า
เชื่อไวรัส มันตายเอง ยางกล้วยมัน
ไปช่วยยึดไม่ให้เชื้อกระจาย เมื่อมัน
กระจายไม่ได้ มันก็ตาย
บอกไว้เป็นวิทยาทาน เขื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร
(ทาวันละครั้ง จนหายนะครับ)

13241134_577627392407071_663249706003968129_n

ที่มา : มนตรี สังข์สุวรรณ, FB นพดล อุ่นตา

สูตรสมุนไพรล้างไต ขับปัสสาวะ

 

13226684_577628989073578_2245568069886297443_n

ส่วนประกอบ :
– กระชาย 1 ขีด
– หอมแดง 1 ขีด
– ข่า 1 ขีด
– ตะไคร้ 1 ขีด
– ใบมะกรูด 1 ขีด
– ใบมะนาว 1 ขีด
– ใบสาระแหน่ 1 ขีด

วิธีการทำ :

นำสมุนไพรทั้ง 7 ชนิดมาล้างให้สะอาด ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำให้ท่วม ต้มให้เดือด จากนั้นนำมาดื่มให้หมดใน 1 มื้อ

อัตราการใช้ :

1 หม้อต่อ 1 วัน ไม่ควรนำกลับมาต้มซ้ำควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง ดื่มติดต่อกัน 1 สัปดาห์จะเห็นผลจากปัสสาวะดีมาก

หมายเหตุ : ภูมิปัญญาชาวบ้าน นับเป็นความรอบรู้และประสบการณ์สืบต่อกันมา

ที่มา : Facebook นพดล อุ่นตา

6 สูตรสมุนไพรแก้เล็บขบ วิธีรักษาง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

สูตรที่ 1
โขลกใบฝรั่งสด 2 ใบ เกลือ 1/2 ช้อนชา ข้าวสุก 2 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน นำมาพอกตรงหนองบริเวณที่เล็บขบจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้

สูตรที่ 2
ตำไพลมา 1 แง่ง (ยาวประมาณ 2 นิ้ว) เกลือตัวผู้ (เกลือที่เป็นเม็ดยาวๆ ) 7 เม็ด ข้าวสุก 1 กำมือให้ละเอียด พอกบริเวณที่เป็นแผล ภายใน 20 นาทีจะทำให้หนองแตกออกมาและหายปวดได้

สูตรที่ 3
ฝานมะนาวตรงส่วนหัวออก ขนดพอสอดนิ้วเข้าไปได้ ใช้มีดคว้านเอาเนื้อในออกเล็กน้อย ทาปูนแดงบางๆ บริเวณที่เล็บขบ แล้วสอดนิ้วที่เป็นเล็บขบเข้าไปข้างในมะนาวที่ฝานแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที วิธีนี้ทำวันละ 2-3 ครั้ง เช้า-เย็น

สูตรที่ 4
ใช้ใบเทียนดอก 7-10 ใบ (ช่วงมีดอกใช้ดอกก็ได้) ตำให้ละเอียด นำมาพอกบริเวณเล็บขบ เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

สูตรที่ 5
ใช้เกลือป่นอัดใส่ตามซอกเล็บเท้าที่เจ็บและถ้าเจ็บมากๆ ให้ใส่เกลือทุกเช้า –เย็น จนกว่าจะหาย

สูตรที่ 6
ใช้ใบพลู 3-5 ใบ ตำผสมกับเกลือ แล้วพอกตรงบริเวณที่เล็บขบ เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้าและเย็น พอกไว้ 5-7 วันก็หายสนิท

เพียงเท่านี้ รับรองว่าอาการเล็บขบจะไม่กลับมากวนใจคุณอีกต่อไป

ที่มา : เฟซบุ๊คเพจ เพจนี้ มีไว้แบ่งปัน , เฟซบุ๊คเพจ นพดล อุ่นตา

น้ำต้มผักกระสังบำบัดอาการเบาหวาน

ขอบอกต่อ สมุนไพรไทย ประสบการณ์ตรงที่รักษา คุณพ่อ ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และ ความดันโลหิตสูง

22090_10200527560613805_2114800591_n

เมื่อสองปีก่อนคุณแม่เห็นคนมา แถวบ้าน แล้วถอนต้นกระสังไปเป็น กระสอบ คุณแม่เลยถามว่า เอาไปทำอะไร คนนั้น ตอบว่า “ผมเป็นโรคเบาหวาน หมอสั่งให้ตัดขา ผมไม่ยอม หนีออกจากโรงพยาบาล แล้วมีคนแนะนำว่า ให้หาต้นกระสังมาต้มกิน กินแทนน้ำเลย แล้วจะดีขึ้น ผมเลยหามาต้มกิน ผมกินมาสองปีแล้ว จากที่หมอบอกว่า ต้องตัดขา ตอนนี้ น้ำตาลลดลงมาอยู่ในระดับปรกติแล้ว” 

คุณแม่เห็นและ รู้โดยบังเอิญ พอรู้ว่า คุณพ่อป่วย ก็เลยหามาต้มให้กิน… โชคดีที่แถวบ้านมีเยอะ ไม่ต้องไปหาซื้อ …. ตอนนี้คุณพ่อดื่มน้ำต้มจากต้นกระสัง ได้สามวันแล้ว… จากที่คุณพ่อเพลีย นอนทั้งวัน ไม่มีแรง … ตอนนี้ คุณพ่อบอกดีขึ้น อาการเพลียเริ่มหายไป รู้สึกดีขึ้นมาก 

ตอนนี้ ที่บ้าน น้ำชากระสัง กันทั้งบ้าน …. รสจะฝาดนิดๆ แต่ทานไม่ยากค่ะ ขอแนะนำผู้ที่มีอาการโรคเบาหวานนะคะ ว่าลองดูค่ะ

การทำยาคือ ถอนมาทั้งราก ล้างให้สะอาด ต้มทั้งราก แล้วกรองน้ำต้มมาดื่ม ดื่มแทนน้ำเปล่าสำหรับผู้ป่วย… ลองดูนะคะ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10200527560613805&set=a.2550013951947.151986.1301811456&type=1&theater

ตำหรับยาสมุนไพร : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

พิมพ์จากหนังสือรับแจกไม่ทราบที่มา ขอกราบบูชาคุณครูบาอาจารย์ และผู้พิมพ์เผยแพร่
คัดพิมพ์เฉพาะส่วนต้น และส่วนตำรายา

หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค ตำรายาสมุนไพร ของ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

สมุนไพร รักษาโรค

คำนำ

ตำรายานี้ข้าพเจ้ารวบรวมมาจากที่หลวงพ่อบอกเองด้วยวาจา และข้าพเจ้านำไปใช้เพื่อรักษาตนเองจนได้ผล หรือจากหนังสือกฎแห่งกรรมธรรมปฏิบัติหลายๆ เล่มของหลวงพ่อ รวมถึงได้มาจากลูกศิษย์บางคนที่เคยฟังหลวงพ่อสอนแล้วมีตำรายาแทรกมาในการสอนนั้นด้วย ฉะนั้นยาทุกขนานในที่นี้ เป็นยาที่หลวงพ่อท่านเคยใช้เองบ้าง หรือให้คนอื่นทดลองใช้มาแล้วบ้าง ข้าพเจ้าเคยกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงพ่อท่านเพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่เป็นวิทยาทาน ซึ่งท่านอนุญาตเรียบร้อยแล้ว

ขออนิสงส์จากการพิมพ์ตำรายานี้ ได้ส่งผลให้ญาติมิตรที่ร่วมบริจาคในการพิมพ์หนังสือ จงมีแต่ความสุขความเจริญ และมีสุขภาพร่างกายจิตใจสมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคภัยอันตรายใดๆ ทั้งปวงเทอญ

พ.อ.หญิง อวาสุณี อนันตรพีระ
กองวิทยาการ กรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี

คติธรรมจากพุทโธโลยีฉบับ “๗๒ ปี หลวงพ่อจรัญ”

“ถ้าใครรู้ว่าอาการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นจงรีบรักษาเสียด้วยยา คือความอดทน เจริญพระกรรมฐานกำหนดอดทนหนอ อดทนหนอ การคำนึงถึงภาษิตที่ว่า ใครแช่งใครด่าใครว่าเรา เหมือนยอดเขาถูกกระทบไม่หวั่นไหว จะทำให้สบายใจขึ้นอย่างประหลาด โปรดนำไปใช้ดูบ้าง คือพระกรรมฐานกำหนดจิตอดทนให้ได้ ได้ผลดีจริงๆ”

“ทน” คือทนต่อสิ่งที่ชัง อันหมายถึงสิ่งที่ไม่ชอบนั่นเอง ซึ่งพอจะประมวลให้ทราบลงเป็น ๓ อย่างคือ

  1. ทนต่อความลำบาก
  2. ทนต่อความเจ็บป่วย
  3. ทนต่อความเจ็บใจ

เวลาใดทำใจให้ผ่องแผ้ว เหมือนได้แก้วมีค่าเป็นราศรี
เวลใดทำใจให้ราคี เหมือนมษีแตกหมดลดราคา
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ

 ฉนั้นการที่จะรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บใดๆ นั้นต้องเริ่มที่กายทำจิตใจให้ผ่องใสก่อน เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว เมื่อนายดี บ่าวก็มีความสุข ถึงตอนนี้หยูกยาอะไรก็หมดความจำเป็น แต่ถ้ากายมีโรคภัยแล้ว ยาในตำหรับเหล่านี้ คงจะพอช่วยได้

อนุสนธิ

เมื่อประมาณเดือน ก.ย. ๔๒ ข้าพเจ้าไปตรวจร่างกายไว้ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แล้วพบว่าตนเองเป็นมะเร็งที่ไตซ้ายจนต้องตัดทิ้งไป ทุกวันนี้เหลือไตขวาอยู่ข้างเดียว ซึ่งวันดีคืนดี ก็จะมีอะไรผิดปกติมาพอให้ผวาเล่น กับมีก้อนมะเร็งที่ปอดขวาอีก ๑ ก้อน ซึ่งหมอก็ตัดก้อนทิ้งไปพร้อมกับเนื้อปอดขวาอีกพอสมควร หมอบอกว่าเก็บเอาไว้หายใจบ้างขืนตัดออกหมดอาจจะตาย เพราะไม่มีอะไรหายใจ ทุกวันนี้อาศัยกรรมฐานช่วย โรคภัยไข้เจ็บจึงหายไปแล้ว ข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งโชคดีที่ได้มีโอกาสฝึกกรรมฐานก่อนจะป่วยเป็นมะเร็งถึง ๒ ปี จึงทำให้พอมีสติที่จะปลงในเรื่องของความตาย และการกลัวความเจ็บปวดไปได้บ้างมิฉะนั้นป่านนี้ อาจจะเหลือเพียงเถ้าถ่านไปแล้ว เพราะถ้าป่วยเป็นมะเร็ง แล้วยังมีความกลัวตายวิตกกังวลและหวาดผวาถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากโรคแล้ว อาการจะยิ่งทรุดลงเร็วมาก สิ่งที่ควรต้องคิดและทำเมื่อท่านป่วยเป็นโรคนี้ (น่าจะโรคอื่นๆ ด้วย) คือการมีสติ และความเข้มแข็งของจิตใจ เพราะเมื่อใดที่จิตตก หดหู่และท้อถอย โรคจะกำเริบและกลับซ้ำได้ง่าย หากจะคิดก็คิดว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตายทุกคน จะเร็วหรือจะช้าขึ้นอยู่กับ “กรรม” ที่แต่ละคนทำเท่านั้น เมื่อกายเราป่วย ก็อย่าให้จิตป่วยเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

หลังจากผ่าตัดและให้เคมีบำบัดแล้ว ข้าพเจ้ายังมีสุขภาพที่ทรุดโทรมอยู่มาก อาศัยว่ามาทำกรรมฐานทีวัดอัมพวันทุกเดือน ก็ประทังความทุกข์ทางจิตใจไปได้ รายปลาย ธ.ค. ๔๔ ข้าพเจ้ามีอาการอ่อนเพลีย ลุกแล้วหน้ามืดอยู่ตลอดเวลา เลือดกำเดาออกมาจากจมูกทั้งวันทั้งคืน ติดต่อกัน ๕-๖ วัน จนกระทั่งลุกเดินไปมาแทบไม่ไหว ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ และกราบเรียนท่านว่า “เลือดกำเดาลูกไหลตลอดเวลาทุกวันเล หากลูกตายหลวงพ่อกรุณาเผาลูกด้วย” ท่านยังชี้มาที่ข้าพเจ้าและบอกว่า “ยังไม่ตายหรอก เราเป็นภูมิแพ้ ให้ออกกำลังกาย และเอายาไปกิน” ตำรายาก็คือ ใบพุทรา (ไทย) สด ๓ กำมือ ข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้หนักอย่างละ ๔ บาท นำมาต้มรวมกันแล้วดื่มต่างน้ำ ข้าพเจ้ากลับบ้านแล้วมาทำตามตำราของหลวงพ่อ มหัศจรรย์จริงๆ ที่ดื่มยายังไม่ทันจืดเลย เลือดกำเดาที่ไหลมาเป็นอาทิตย์ก็หยุดเป็นปลิดทิ้ง และหายมาจนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากนำมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ เป็นยาที่ง่ายมากแต่ได้ผลชงัด จะมีข้อเสียอยู่นิดหนึ่งตรงที่ดื่มครั้งแรกๆ จะมีรสฝาดจากใบพุทราอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าความทรมานจากเลือดกำเดาแน่นอน

ยาอีกตำหรับหนึ่งที่ข้าพเจ้าใช้เองและได้ผลคือ ข้าพเจ้ามีอาการปวดท้องน้อยมานานแล้ว เวลาปวดจะเหมือนปวดประจำเดือน ซึ่งผู้หญิงทุกคนจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ปกติเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้ฝึกกรรมฐานหากมีอาการปวดมากขนาดนี้ต้องรีบหายาแก้ปวดกินแล้วถือโอกาสนอนพัก เพราะทรมานมาก มันปวดกรุ่นๆ เหมือนจะถ่ายอุจจาระแต่ก็ไม่ถ่าย คราวนี้ปวดมากขนาดนั้น แต่อาศัยเคยฝึกกรรมฐานจึงใช้วิธีกำหนดเวทนาก็หายได้เป็นพักๆ แล้วก็ปวดอีก เป็นอย่างนี้ประมาณ ๔-๕ เดือนแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าหากทิ้งไว้เนิ่นนาน ถ้ากลายเป็นอย่างอื่นจะทำอย่างไร จึงตรวจปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ และตรวจเลือดดูก่อน (เกรงว่าจะเป็นมะเร็งระยะลุกลาม) ผลออกมา ก็ปกติทุกอย่าง จึงไปตรวจภายใน แพทย์บอกว่าเซลล์มดลูกและรังไข่เริ่มฝ่อจึงทำให้ปวดท้อง จำเป็นต้องให้ฮอร์โมนซึ่งถ้าข้าพเจ้ากินฮอร์โมนแล้วโอกาสเป็นมะเร็งจะเพิ่มสูงขึ้น จำได้ว่าหลวงพ่อเคยพูดให้ฟังถึงยาขนานหนึ่งที่แก้ในเรื่องมดลูกดีมาก (ท่านพูดมา ๓ ปีแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้) คือเกลือ ๓ ส่วน มะขามเปียก ๗ ส่วน บอระเพ็ด ๕ ส่วน หรือสูตร เกลือสาม มะขามเจ็ด บอระเพ็ดห้า ที่ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อจะได้ยินกันบ่อยๆ โดยนำตัวยาทั้ง ๓ ชนิด มาโขลกรวมกันแล้วปั้นรับประทานตามแต่ความเหมาะสมของธาตุของตน หลังจากข้าพเจ้ากินยานี้ได้ราว ๒ อาทิตย์ อาการปวดท้องน้อยเริ่มหายไป การขับถ่ายดีขึ้น และทุกวันนี้ก็ยังกินอยู่ เมื่อข้าพเจ้ากินยาจากตำราของหลวงพ่อแล้วได้ผลดี จึงอยากจะบอกกล่าวมายังทุกท่าน ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อให้ได้รับรู้เพื่อว่าวันข้างหน้าท่านเกิดเจ็บไข้ไม่สบาย จะได้นำตำรานี้ไปใช้ เมื่อหายแล้วจะได้ถ่ายทอดต่อไปเป็นวิทยาทาน

 

สมุนไพรที่หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม เมตตาแนะนำแก่ญาติโยม

๑. ชาตะไคร้
สรรพคุณ แก้ปวดกระดูก ปวดหลัง ปวดแข้ง ปวดขา ป้องกันกระดูกผุ นั่งดูหนังสือแล้วตาลาย ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด ป้องกันโรคไต เบาหวาน คอเลสเตอรอล

วิธีทำ เอาต้นตะไคร้ล้างให้สะอาด (ตะไคร้ที่ใช้ทำอาหาร) ใช้ส่วนที่เป็นต้น ใบกับรากไม่เอา หั่นตากแดดให้แห้งสนิท แล้วนำมาคั่วให้เหลืองหอม เก็บไว้ชง หรือต้นกินต่างน้ำ เหมือนน้ำชา

๒. ยาอายุวัฒนะ
สรรพคุณ แก้มะเร็วเม็ดเลือด เสกด้วยนวหรคุณ ๙ รักษาโรคมะเร็งระยะเป็นใหม่ๆ รักษาเอดส์ ต้องเสกด้วยพุทธคุณ ๑๐๘ แก้ท้องเฟ้อ มดลูกเสีย กินทุกวันทำให้ร่างกายแข็งแรง

วิธีทำ เกลือทะเลเม็ด ๓ ส่วน บอระเพ็ดสดหั่น ๕ ส่วน มะขามเปียกเอาเม็ด และซางออกสับ ๗ ส่วน นำมาโขลกผสมกัน กินเช้า-เย็น หรือก่อนนอน ครั้งละก้อนเท่าหัวแม่มือ ถ้าต้องการให้ถ่ายกินตามธาตุหนัก-เบา แล้วดื่มน้ำตามมากๆ

๓. โรคไตวาย
วิธีทำ ให้ไปถากเปลือกงิ้วแดง ถากขึ้น ๒ ถากลง ๑ มาต้นดื่มต่างน้ำ (ต้มสดๆ เลย) (เวลาถากเปลือก อย่าถากรอบต้น ต้นไมจะตาย)

๔. เสียงแหบแห้ง
วิธีทำ ให้นำกระเทียบ พริกไทย โขลกให้ละเอียด ละลายด้วยน้ำผึ้งกิน

๕. ตกขาว
วิธีทำ นำสับปะรดทั้งหัวหมกปูนขาว ๓ วัน (ถ้ายังไม่สุกหรือฉ่ำให้หมกต่อ) แล้วนำมาปอกกินตามปกติ

๖. โรคชัก เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคป่วง
วิธีทำ นำพริกไทยเม็ดโขลกให้ละเอียดใส่แคปซูลไว้ นำพริกขี้หนูป่นใส่แคปซุล กินพร้อมกันอย่างละ ๑ แคปซูล (ของยาแผนปัจจุบัน) กินก่อนอาหารเช้า-เย็น

๗. โรคกระเพาะ
วิธีทำ ให้เอากล้วยน้ำว้า ฝานบางๆ ตากแดดให้แห้งสนิท แล้วป่นให้เป็นแป้ง เวลากินตักครั้งละ ๑ ช้อนคาว ใส่น้ำสุกอุ่นๆ แล้วดื่ม

๘. เลือดกำเดาออก
วิธีทำ เอาใบพุทรา (พุดซา) ๓ กำมือ ยาข้าวเย็นเหนือหนัก ๔ บาท ยาข้าวเย็นใต้หนัก ๔ บาท มาต้นดื่มต่างน้ำ

๙. มะเร็ง
วิธีทำ นำลูกใต้ใบทั้ง ๕ กับต้นไมยราพทั้ง ๕ มาต้มกินต่างน้ำ (ทั้ง ๕ หมายถึง ราก, ต้น, ใบ, ดอก และผล)

๑๐.๑ โรคตับแข็ง
วิธีทำ กินบอระเพ็ดวันละ ๕ แว่น (ยาวประมาณ ๒ ซม. หรือองคุลี) โดยเฉพาะคุณแม่ที่กินยาดองหลังคลอดบุตร และรักษามะเร็ง หรือโรคท้องมานต้องลงด้วย “นะโม พุทธายะ”

๑๑.๒ โรคตับอีกขนาน
วิธีทำ
บอระเพ็ดสด ๑ ช้อนคาว เคี้ยวๆ แล้วตามด้วยน้ำผึ้งเดือนห้า

๑๑. ร้อนใน อาเจียน
วิธีทำ ใบตำลึงต้มกินหาย อีกขนานให้เอายอดกะทกรกและยอดตำลึงต้มกิน หรือคั้นเอาน้ำกิน

๑๒. โรคภูมิแพ้
วิธีทำ ให้กินบอระเพ็ด

๑๓. โรคหอบ-หืด
วิธีทำ นำต้นตำแยแมวมาโขลกใส่น้ำซาวข้าวกรองเอาแต่น้ำกิน

๑๔. โรคหัวใจโต
วิธีทำ กินกระถินแล้วเอาเปลือกับรากมาต้นน้ำดื่ม

๑๕. นมหลง (ปวดนม หรือนมคัด)
วิธีทำ เอานุ่นมาจุดไฟแล้ว ใส่ไหกระเทียมอย่าให้ควันออก เอาปากไหกดครอบเต้านมไม่นานน้ำนมจะไหลหายปวด

๑๖. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
วิธีทำ ข้าวเย็นเหนือ, ข้าวเย็นใต้ หนัก ๔ บาท ฟ้าทะลายโจร (สด) ๑ กำมือ รากหญ้าคา (สด) ๑ กำมือ นำตัวยาทั้งสี่อย่างมาต้มดื่มแทนน้ำ

๑๗. ไข้ทับระดู (เป็นไข้ระหว่างมีประจำเดือน)
วิธีทำ หญ้าเจ้าชู ๓ กำมือ ยาข้าวเย็นเหนือ, ข้าวเย็นใต้ หนัก ๔ บาท นำตัวยาทั้งหมดมาต้มตื่มต่างน้ำ

๑๘. บิดหัวลูก (เป็นโรคบิดระหว่างตั้งครรภ์ ลูกขี้ มักตายในท้อง หรือไม่ก็คลอดออกมาแล้วตาย)
วิธีทำ
๑. นำเปลือกมะพร้าวอ่อน (ปอกผิวสีเขียวออกเอาเฉพาะส่วนที่กาบอ่อน) บิดเอาน้ำ ๑ แก้ว
๒. น้ำปูนใส (ปูนกินหมาก) ๑/๒ แก้ว
๓. เปาะหอม ทั้งสามสิ่งนำมาโขลก กรองเอาแต่น้ำมากิน

๑๙. โรคลำไส้เน่า เป็นยาเทวดา
ท่านผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดสิงห์บุรี ชื่อมหาเทียบ นองบุญนาค เปรียญธรรม ๖ ประโยค (เสียชีวิตไปตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐) เป็นคนทำถวาย

วิธีทำ ใช้หม้อดิน เอาเกลือมา ๓ กำ ให้กลั้นใจหยิบ ๓ จับ แล้วเทใส่หม้อ ท่านสอนให้ท่อง “พุทธัง ปัจจักขามิ ๑ กำ ธัมมัง ปัจจักขามิ อีก ๑ กำ สังฆัง ปัจจักขามิ อีก ๑ กำ” ใส่หม้อ สตุเกลือ (โดยไม่ต้องใส่น้ำ) จนละเอียดไปหมดแล้วปลงลงมาเอาไข่ขาว (ไข่ไก่ ๕ ฟอง ไม่เอาไข่แดง) ใส่แล้วคนให้เข้ากันท่อง “พุทธัง ปัจจักขามิ, ธัมมัง ปัจจักขามิ, สังฆัง ปัจจักขามิ” กินครั้งละ ๑ ช้อนคาว

๒๐. รักษาผิวหน้าไม่ให้เหี่ยวย่น
วิธีทำ ขนาน ๑ ใช้น้ำผึ้ง กับผิวมะนาว ทาหน้าเป็นประจำ หรือขนาน ๒ ใช้ไส้ตะเกียงเจ้าพายุที่ใช้แล้ว ผสมน้ำมะนาว ทาหน้าเป็นประจำก็ได้

๒๑. ผมอ่อนสลวย
วิธีทำ ใช้น้ำส้มมะขาม (มะขามเปียก) สระผม

๒๒. ยามเช้า
ตื่นเช้าแกว่งแขน ๑๐๐ ครั้ง เตะขาขึ้น ๑๐๐ ครั้ง แล้วอย่าเพิ่งไปล้างหน้า ดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ๕ แก้ว (ถ้าอายุเกิน ๔๕ ปี กินน้ำต้ม ถ้ายังไม่ถึง ๔๕ ปี ไม่ต้องต้ม) รับรองอุจจาระดี หูตึงหาย ปวดศรีษะซึกหนึ่ง น้ำตาไหล ปวดลูกตา หายเลยทีเดียว

ยาตำหรับพิเศษ

ยาทั้งหมด ๒๐ ตำหรับที่รวบรวมมาลงหนังสือเล่มนี้ เป็นยาที่ใช้รักษาโรคทางกายเท่านั้น ในส่วนของโรคและความผิดปกติทางจิตวิญญาณ หลวงพ่อก็ยังมียาพิเศษไว้รักษาด้วย

  1. “สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน”
  2. การทำกรรมฐาน ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง รักษาโรคคิดมาก วิตกกังวล นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูงต่ำและโรคหัวใจได้
  3. การเจริญกรรมฐาน จะทำให้อารมณ์ดี มีจิตใจสะอาด จะรู้บุญคุณของพ่อ-แม่ ไม่ลืมพระคุณของชาติภูมิ มาตุภูมิ และบ้านเกิดเมืองนอนของตน ไม่ลืมบุญคุณครูบาอาจารย์
  4. การเจริญกรรมฐาน เวลานั่ง กำหนดลมหายใจยาวๆ เข้าไว้ หายใจเข้ายาวๆ หายใจออกยาวๆ ให้สม่ำเสมอ จะทำให้ใจเย็น และเกิดปัญญาแก้ไขปัญหาได้
  5. ผู้ที่เจริญกรรมฐาน จิตใจจะโน้มเอียงไปในทางดี จะรักษาโรคเห็นแก่ตัว โรคอิจฉาริษยาได้ จะทำให้เกิดความเตตา สงสารผู้อื่น
  6. กรรมฐานสามารถรักษาโรค และต่ออายุได้
  7. กรรมฐานเป็นการป้องกันจิตวิญญาณไว้มิให้หลงตาย ทำให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
  8. กรรมฐาน ช่วยรักษาโรคกรรม ซึ่งหมอทั่วไปรักษาไม่หาย
  9. โลกเราที่ยุ่งยากเดือดร้อนทุกวันนี้ทางหนึ่ง ย่อมเกิดจากความโลภของคนเราที่คอยเผาดวงใจให้เร่าร้อน ทำใจให้พร่อง ทำใจให้หิว
  10. อารมณ์ร้ายเป็นอารมณ์อันตรายที่สำคัญที่ต้องหาความอดทนมาเป็นเครื่องมือป้องกันไว้ คำด่าว่า เสียดสีนินทานี่แหละ ที่ทำใจให้ร้อน เมื่อใจร้อนแล้ว เรื่องร้อนต่างๆ ก็ตามาอย่างที่เห็นกันอยู่เสมอ วิธีที่เหมาะสมวิธีหนึ่ง คือการวางตัว
  11. การสร้างความดี ก็ต้องละความชั่ว สร้างความดี ก็ต้องละบาปมาทำบุญ แล้วยังมีบาปในใจมากอีกรับรองไปไม่รอด
  12. การสร้างความดี เป็นการใช้หนี้กรรม เราควรชดใช้ให้หมดไปในชาตินี้ ดีกว่าไปใช้หนี้บวกดอกในเมืองนรกเป็นร้อยปี
  13. ความดี สร้างให้กันไม่ได้ เราต้องสร้างเอง ต่างคนต่างทำ เราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกตายไม่ได้ แต่เราเลือกทำความดีได้

ยอดยาสมุนไพร หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

ยารักษาโรคหัวใจ
ขนานที่ ๑

ส่วนผสมของตัวยา
มะพร้าวอ่อน ๑ ผล
ต้นคื่นฉ่ายสด ๑ กำมือ

วิธีปรุงยา
เอามะพร้าวอ่อนมาตัดเอาหัวออก เปิดกะลามะพร้าว อย่าให้น้ำมะพร้าวหก เอาต้นคื่นฉ่ายสดมาล้างน้ำให้สะอาด ตัดเป็นท่อนๆ ใส่ลงไปในน้ำมะพร้าวนั้น

จากนั้นเอามาเผาไฟจนน้ำมะพร้าวเดือด พยายามอย่าให้น้ำมะพร้าวหกออกมา ถ้าไฟแรง ลดไฟลงให้เดือดอ่อนๆ จนคื่นฉ่ายผสมผสานกับน้ำมะพร้าวมากๆ ด้วยเวลาประมาณ ๑๐ นาทีเศษ

ขนาดรับประทาน
เอาน้ำมะพร้าวนี้ปล่อยเอาไว้ให้อุ่น ดื่มให้หมดวันละ ๑ ผล
ทำเช่นนี้เป็นเวลา ๗ วัน ๗ ผล
ต่อมาให้รับประทานยานี้วันเว้นวัน ต่อเนื่องกันประมาณ ๑-๒ เดือนอาการของโรคหัวใจจะค่อยๆ ทุเลาลงเรื่อย

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคหัวใจได้ดีมาก อาการหายใจขัดจะหายไป อาการอ่อนเพลียจะไม่เกิดขึ้นเหมือนเมื่อก่อน เรี่ยวแรงจะดีขึ้น อาการเจ็บปวดที่ทรวงอกด้านซ้ายจะไม่มีเหมือนเดิมอีก

ข้อสำคัญจะต้องรับประทานต่อเนื่องกันไป ตามที่แนะนำจึงจะรักษาอาการของหัวใจผิดปกติได้ดี

ยารักษาโรคหัวใจ
ขนานที่ ๒

ส่วนผสมของตัวยา
ข้าวเย็นเหนือ หนัก ๑๐ บาท
ข้าวเย็นใต้ หนัก ๑๐บาท
กำมะถันเหลือง หนัก ๑๐บาท
กำแพงเจ็ดชั้น หนัก ๑๐บาท
ทองพันชั่ง หนัก ๑๐บาท
ชะเอมเทศ หนัก ๑๐บาท

วิธีปรุงยา
เอาตัวยาและส่วนผสมทั้งหมดมาใส่หม้อดินต้มกับ้ำพอท่วม ต้มเคี่ยว ให้ตัวยาออกมามากๆ ประมาณ ๒๐ นาที ด้วยไฟเดือดอ่อนๆ แล้วยกหม้อต้มยาลงมา ปล่อยเอาไว้ให้เย็นลง

ขนาดรับประทาน
เอามาดื่มครั้งละ ๑ ถ้วยชา หลังอาหารเช้า กลางวัน และเย็น รวมวันละ ๓ เวลา

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคหัวใจได้ดีมาก แก้อาการอ่อนเพลียระเหี่ยใจ เหนื่อยหอบ หัวใจเต้นผิดปกติ

ยารักษาโรคหัวใจ
ขนานที่ ๓

ส่วนผสมของตัวยา
ต้นและใบบัวบก ๒ กำมือ
น้ำตาลทรายแดง
(ไม่มีน้ำตาลทรายแดง เอาน้ำตาลทรายขาวก็ได้)

วิธีปรุงยา
เอาต้นและใบบัวบกที่ถอนเอามาสดๆ เอามาล้างน้ำให้สะอาด แล้วสับเป็นท่อนสั้นๆ ใส่ลงไปในครก โขลกให้แหลกละเอียดแล้วคั้น เอาน้ำข้นๆ มาผสมกับน้ำตาลทรายแดง คนให้ละลายเข้าด้วยกัน

ขนาดรับประทาน
เอามาดื่มครั้งละ ๑ แก้ว
ดื่มวันละ ๓ แก้ว เช้า กลางวัน และเย็น ดื่มต่อเนื่องกันประมาณ ๑ สัปดาห์หรือ ๑๐ วัน

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคหัวใจได้ดี อาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย อาการเจ็บปวดที่ทรวงอกข้างซ้ายหรือที่หัวใจ อาจจะมีเหงื่อออกเป็นประจำ

ยารักษาโรคหัวใจ
ขนานที่ ๔

ส่วนผสมของตัวยา
หัวไชเท้า ๑ หัว
(ถ้าหัวใหญ่ ครึ่งหัวก็พอ)
น้ำผึ้งแท้ ๑ ถ้วย

วิธีปรุงยา
เอาหัวไชเท้าหรือผักกาดหัวสดๆ มาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกออกไป ขจัดดินและสิ่งสกปรกออกให้หมด แล้วตัดเป็นชิ้นๆ กำลังพอเหมาะที่จะรับประทาน

จัดหาน้ำผึ้งแท้มาสัก ๑ ถ้วย เตรียมเอาไว้

ขนาดรับประทาน
เอาหัวไชเท้าหรือผักกาดหัวสดๆ ดังกล่าว มาจิ้มกับน้ำผึ้งแท้ รับประทานเช้าครั้งหนึ่ง เย็นอีกครั้งหนึ่ง รับประทานเช่นนี้ทุกๆ วัน เป็นเวลาประมาณ ๒ สัปดาห์

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคหัวใจได้ดีมาก อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เจ็บปวดที่ทรวงอกข้างซ้ายหรือที่หัวใจ อึดอัด หายใจไม่สะดวก จะดีขึ้น ทุเลาขึ้นมาเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติในที่สุด
พยายามรับประทานเพื่ออาการของโรคจะดีขึ้นมา

ยารักษาโรคหัวใจ
ขนานที่ ๕

ส่วนผสมของตัวยา
ต้นไมยราบ (ทั้งต้น ดอก ราก) สดๆ ๑ กก.

วิธีปรุงยา
เอาต้นไมยราบสดๆ ดังกล่าวข้างต้นมาล้างน้ำให้สะอาด สับเป็นท่อนสั้นๆ แล้วเอาไปตากแดดให้แห้งสนิท
จากนั้นเอามาคั่วในกระทะให้เหลือง หอม เก็บใส่ขวดโหล หรือภาชนะที่ปิดฝาได้มิดชิดเช่นเดียวกับการเก็บใบชา
ไม่ให้อากาศภายนอกเข้าไปได้ เก็บเอาไว้ได้นานๆ เวลาใช้ก็เอามาชงกับน้ำเดือด จิบได้เป็นน้ำชา

ขนาดรับประทาน
ชงเป็นน้ำชาใส่เอาไว้ในกาน้ำชา หรือเอามาใส่ลงไปในกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า จัดการต้มไปเลย แล้วรินเอามาดื่มเป็นน้ำชาได้ตลอดทั้งวัน แทนการดื่มน้ำชานั่นเอง
แต่ว่าการดื่มน้ำชาต้นไมยราบนี้ดีกว่ามากมาย เพราะมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรได้ดี

สรรพคุณ
รักษาอาการผิดปกติของหัวใจได้ดี เป็นต้นว่าหัวใจเต้นผิดปกติ อาการของหัวใจสั่น อาการเจ็บปวดที่ทรวงอกตรงบริเวณหัวใจ

ยารักษาความดันโลหิตสูง
ขนานที่ ๑

ส่วนผสมของตัวยา
กาฝากมะม่วงทั้งห้า (ต้น ใบ ราก) สดๆ โดยการตัดเอามาจากต้นมะม่วงอะไรก็ได้ เอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆ ๑ กก.

วิธีปรุงยา
เอากาฝากมะม่วงสดๆ สับเป็นชิ้นๆ รวมทั้งใบและรากที่เกาะกิ่งมะม่วง เอามาตากแดดให้แห้งสนิท ซึ่งจะต้องตากหลายๆ แดด
จากนั้นเอามาเก็บเอาไว้ในภาชนะที่ปิดฝามิดชิด เวลาเอามาใช้ ก็เอามาใส่ลงไปในหม้อดินสัก ๒ กำมือ เติมน้ำให้ท่วมพอสมควร ต้มเคี่ยวให้เดือดอ่อนๆ ด้วยเวลาประมาณ ๑๕-๒๐ นาที
ยกลงปล่อยเอาไว้ให้เย็นไปเอง

ขนาดรับประทาน
ดื่มเช้า กลางวัน และเย็น ครั้งละ ๑ แก้ว หรือดื่มแทนน้ำชาก็ได้ทั้งวัน แทนน้ำชาจีนไปได้เลย
หิวน้ำก็ดื่มน้ำกาฝากต้นมะม่วงนี้แหละ

สรรพคุณ
แก้อาการความดันโลหิตสูงได้ดีมาก

ยารักษาความดันโลหิตสูง
ขนานที่ ๒

ส่วนผสมของตัวยา
รากมะละกอตัวผู้ (ทางด้านตะวันออก) โดยการตัดปลายรากออกไป ตัดด้านทางหัวออกไปด้วย ๑ กำมือ
สารส้มก้อนประมาณหัวแม่เท้า ๑ ก้อน

วิธีปรุงยา
เอารากมะละกอตัวผู้มาจากต้น แล้วล้างน้ำให้สะอาด อย่าลืมตัดปลายรากและทางหัวออกไปเสียก่อน สับเป็นท่อนสั้นๆ ใส่ลงไปในหม้อดิน ใส่น้ำลงไปพอท่วม ใส่สารส้มลงไปตามกำหนด
จัดการต้ม เคี่ยว ให้เดือดอ่อนๆ เป็นเวลานานประมาณ ๑๕ นาทีก็พอ
แล้วยกลงปล่อยเอาไว้ให้เย็น

ขนาดรับประทาน
รินเอามาดื่ม ครั้งละ ๑ แก้ว เช้า กลางวันและเย็นรวม ๓ เวลา

สรรพคุณ
รักษาอาการความดันโลหิตสูง อาการปวดวิงเวียนมึนตื้อ ตึงท้ายทอยจะหายไป
ความดันโลหิตจะลดลงเป็นปกติ เมื่อดื่มยานี้ไปประมาณ ๕-๖ วันเท่านั้นเอง ปกติดีแล้วก็งดดื่มยาได้

ยารักษาความดันโลหิตสูง
ขนานที่ ๓

ส่วนผสมของตัวยา
กาฝากมะม่วงกะล่อนทั้งห้า (ต้น ใบ ราก) สดๆ ด้วยการตัดเอามาจากต้นมะม่วงกะล่อน สับเป็นชิ้นเล็กๆ ๑ กก.

วิธีปรุงยา
เอากาฝากมะม่วงสดๆ มาสับเป็นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอาไปตากแดดให้แห้งสนิท ซึ่งจะต้องตากหลายๆ แดด
แล้วเอามาใส่ลงไปในภาชนะที่ปิดฝามิดชิด ป้องกันอากาศเข้าไปได้ เก็บเอาไว้ใช้ได้นานวัน
เวลาจะใช้เอากาฝากมะม่วงที่ตากแห้งแล้วนี้ มาใส่ลงไปในหม้อดินสัก ๒ กำมือ เติมน้ำสะอาดลงไปพอท่วมตัวยานี้ ต้ม เคี่ยวให้เดือดอ่อนๆ ประมาณ ๑๕ นาที ให้ตัวยาละลายออกมามากๆ
แล้วยกลงปล่อยเอาไว้ให้เย็นไปเอง

ขนาดรับประทาน
ดื่มน้ำกาฝากมะม่วงกะล่อนนี้ ครั้งละ ๑ แก้ว เช้า กลางวันและเย็น หิวน้ำก็ดื่มน้ำนี้แทนน้ำไปเลยก็ได้

สรรพคุณ
อาการความดันโลหิตสูง จะค่อยๆ ทุเลาลงไปเรื่อยๆ ปจนหายเป็นปกติดีแล้ว ก็หยุดดื่มได้

ยารักษาความดันโลหิตสูง
ขนานที่ ๔

ส่วนผสมของตัวยา
ต้นลิ้นมังกร (ทั้งต้น ทั้งราก) ๓ กำมือ
น้ำตาลกรวดก้อนเท่าหัวแม่มือ ๑ ก้อน

วิธีปรุงยา
เอาต้นลิ้นมังกรดังกล่าวมาล้างให้สะอาด สับเป็นท่อนสั้นๆ ใส่ลงไปในหม้อดินสำหรับต้มยา
เติมน้ำสะอาดลงไปพอท่วมสัก ๓ ส่วน ใส่น้ำตาลกรวดลงไปอีก จัดการต้ม เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ให้งวดลงเหลือส่วนเดียว เพื่อให้เกิดความเข้มข้นขึ้นมา

ขนาดรับประทาน
ดื่มเป็นยา ครั้งละ ๑ ถ้วยชา เช้า กลางวันและเย็น ดื่มไปสัก ๑ สัปดาห์

สรรพคุณ
แก้อาการความดันโลหิตสูงได้ดีมาก อาการมึนศรีษะ ซึม ตึงหน่วงที่ท้ายทอยก็จะค่อยๆ หายไป
ข้อสำคัญจะต้องดื่มยานี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ อย่าเว้นบ้าง ดื่มบ้าง จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ยารักษาความดันโลหิตสูง
ขนานที่ ๕

ส่วนผสมของตัวยา
รากระย่อมรวมทั้งต้น ๓ กำมือ

วิธีปรุงยา
ถอนเอาต้นระย่อมมาทั้งรากทั้งต้น จัดการล้างทำความสะอาดให้ดี อย่าให้ดิน โคลน สิ่งสกปรกติดอยุ่ได้ ล้างให้สะอาดดีแล้วเอามาหั่นเป็นท่อนๆ
ใส่ลงไปในหม้อดินต้มยา เติมน้ำสะอาดลงไปพอท่วม กะเป็น ๓ ส่วนแล้วยกเอาขึ้นตั้งบนเตาไฟ
ต้ม เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ให้น้ำยางวดลงเหลือส่วนเดียว ยกลงมา ปล่อยเอาไว้ให้เย็นลง

ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ ๑ แก้ว เช้า และเย็น ดื่มทุกวันอย่าเว้น

สรรพคุณ
แก้อาการความดันโลหิตสูงได้ดีมาก ทำให้ความดันโลหิตสูงลดลงได้อย่างน่าพิศวง อาการปวดมึนศรีษะหายไปเรื่อยๆ จนเป็นปกติ
อาการมึน ปวดท้ายทอยก็จะหายไป
ดื่มยานี้ไปไม่เกิน ๗ วัน อาการความดันโลหิตสูงก็เป็นปกติได้

ยารักษาความดันโลหิตสูง
ขนานที่ ๖

ส่วนผสมของตัวยา
ต้นสาบเสือทั้งห้า ๑ กำมือ
พริกไทยล่อน ๗ เม็ด

วิธีปรุงยา
จัดการเอาต้นสาบเสือทั้งห้า คือ ทั้งต้น ใบ ราก ดอก ราก เรียกว่าทั้งต้นทั้งราก จัดการล้างทำความสะอาดให้ดี ตัดออกเป็นท่อนๆ สั้นๆ
ใส่ลงไปในหม้อดิน เอาพริกไทยล่อนทั้ง ๗ เม็ดใส่ลงไปด้วย เติมน้ำสะอาดลงไปพอท่วม ต้ม เคี่ยวไปจนงวดลงมากๆ ด้วยการใส่น้ำลงไป ๓ ส่วนเคี่ยวจนเหลือส่วนเดียว
ยกลงมา ปล่อยเอาไว้ให้เย็นลง แล้วเอามาดื่มได้

ขนาดรับประทาน
รินเอาน้ำยานี้มาดื่ม ครั้งละ ๑ ถ้วยชา ดื่มเช้า กลางวันและเย็นรวมวันละ ๓ เวลา
ดื่มไปเรื่อยๆ หมดยาก็ต้มใหม่ ดื่มไปสัก ๑ สัปดาห์

สรรพคุณ
รักษาอาการความดันโลหิตสูงได้ดีมาก อาการความดันโลหิตสูงจะทุเลาลงเรื่อยๆ จนหายไปในที่สุด

ยารักษาความดันโลหิตต่ำ

ส่วนผสมของตัวยา
หมูเนื้อแดง ๑ กก.
พรกไทยล่อน ๑ กระป๋องนมข้นหวาน
น้ำผึ้งแท้

วิธีปรุงยา
เอาส่วนผสมของตัวยาข้างบนนี้ คือ หมูเนื้อแดงกับพริกไทยล่อนมาบดรวมผสมกัน ให้เข้ากันดี
แล้วเอาไปใส่ขวดปากกว้างหรือขวดโหล เอาน้ำผึ้งแท้เทใส่ลงไปให้ท่วมเนื้อหมูและพริกไทยล่อนบดละเอียด ปิดฝาขวดหรือโหลเอาไว้ให้แน่น แล้วเอาไปหมกเอาไว้ในข้าวเปลือกประมาณครึ่งเดือนขึ้นไป เช่น ๒๐-๒๕ วัน หรือ ๓๐ วันก็ได้
แล้วก็เอาออกมาจากการหมกในข้าวเปลือก

ขนาดรับประทาน
รินเอาแต่เพียงน้ำผึ้งที่ดองเนื้อหมูกับพริกไทยล่อน ดื่มกินวันละประมาณ ๑ ช้อนแกง วันละครั้งเดียวก็พอ ดื่มกินไปสัก ๕ วัน ท่านว่าจะได้ผลดีมากในการรักษาอาการของโรคที่เกิดขึ้น

สรรพคุณ
แก้อาการของโรคความดันโลหิตต่ำได้ดีมาก รวมทั้งโรคโลหิตจางก็ได้ผลดี

ยารักษาโรคเบาหวาน
ขนานที่ ๑

ส่วนผสมของตัวยา
ยอดขี้เหล็ก ๑ กก.
สารส้ม ๑๐๐ กรัม
น้ำผึ้งแท้

วิธีปรุงยา
เอายอดขี้เหล็กมาล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อนสั้นๆ เสียก่อน ใส่ครกโขลกให้ละเอียด หรือจะเอามาบดก็ได้ อย่าลืมเอาสารส้มใส่ลงไปโขลก หรือบดผสมผสานกันเข้าไปด้วย ละเอียดดีแล้วเอาออกมาจากครก ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนสักขนาดปลายนิ้วก้อย

ขนาดรับประทาน
รับประทานวันละ ๑ เม็ด ทุกๆ วันเป็นเวลาประมาณ ๑ เดือนเศษ หากอาการมาก โรคมีอยู่มาก ก็รับประทานวันละ ๒ เม็ด ซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่า ๑ เดือน แต่ก็หายได้

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคเบาหวานได้ดีมาก อาการเบาหวานจะค่อยๆ ทุเลาลงเรื่อยๆ อย่าหยุดยาในระหว่างที่กำลังรับประทานยา

ยารักษาโรคเบาหวาน
ขนานที่ ๒

ส่วนผสมของตัวยา
เปลือกต้นไข่เน่า ๒ กำมือ
เกลือทะเล (เกลือแกง) ๒ ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุงยา
เอาเปลือกต้นไข่เน่ามาล้างให้สะอาด ใส่ลงไปในหม้อดินสำหรับต้มยา ใส่น้ำลงไปให้ท่วมตัวยาพอสมควร ใส่เกลือแกงหรือเกลือทะเลลงไปด้วย
ยกขึ้นตั้งบนเตาไฟ ต้ม เคี่ยว ให้เดือดอ่อนๆ โดยเคี่ยวไปสัก ๒๐ นาที โดยกะให้น้ำ ๓ ส่วน แล้วงวดลงเหลือเพียง ๑ ส่วน ตามหลักการของการต้มยาต้มทั้งหลาย
ขนาดรับประทาน
รับประทานยานี้ครั้งละ ๑ ถ้วยชา ก่อนอาหารเช้าและก่อนนอน ทุกๆ วันวันละ ๒ ครั้ง ดื่มกินยานี้เพียง ๗ วันอาการของโรคนี้จะทุเลาลงเรื่อยๆ

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคเบาหวานได้ดีมาก เบาหวานมีทั้งอาการที่เป็นมากและเป็นน้อย หากเป็นมาก ก็อาจจะต้องดื่มยานี้ไปเป็นเวลานานวันกว่าผู้ป่วยที่มีอาการน้อยกว่า

ยารักษาโรคเบาหวาน
ขนานที่ ๓

ส่วนผสมของตัวยา
ใบทองพันชั่ง หนัก ๑ บาท
ใบชุมเห็ด หนัก ๑ บาท
พริกไทยล่อน หนัก ๑ บาท
ต้นเหงือกปลาหมอ หนัก ๑ บาท
น้ำผึ้งแท้

วิธีปรุงยา
ก่อนอื่นเอาตัวยาทั้งหมด ยกเว้นน้ำผึ้งแท้ ตากแดดให้แห้งสนิทเสียก่อน ต่อมาก็เอามาบดเป็นผงละเอียดตามวิธีการบดยาสมุนไพรทั้งหลาย
เอามาผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเมล็ดในพุทราไทย เก็บเอาไว้ในภาชนะปิดฝาสนิท รับประทานได้นานๆ

ขนาดรับประทาน
รับประทานครั้งละ ๖ เม็ด เช้าและเย็น เป็นเวลา ๓๐ วันหรือ ๑ เดือนเศษ อาการจะทุเลาลงเรื่อยๆ จนหาย

สรรพคุณ
รักษาอาการของโรคเบาหวานได้ดีมาก หากเป็นมาก ก็อาจจะต้องรับประทานยานี้ไปเป็นเวลานานวันหน่อย คือมากกว่า ๑ เดือน
อดทน พยายามรับประทานยาไปเรื่อยๆ อย่าเว้นวันรับประทานบ้าง หรือไม่รับประทานบ้าง จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ยารักษาอาการปวดเมื่อย
ขนานที่ ๑

ส่วนผสมของตัวยา
ลูกข่อย ๑ ทะนาน
หัวแห้วหมู ๑ ทะนาน
หางไหลเผือก หนัก ๒๐ บาท
กรุงเขามา หนัก ๒๐ บาท

วิธีปรุงยา
เอาตัวยาสมุนไพรทั้งหมดข้างต้นนี้มาตากแดดให้แห้งสนิทแล้วจึงเอามาชั่งและตวง จากนั้นก็เอามาบดเป็นผงละเอียดแบบยาผงทั้งหลาย
เอามาปั้นเป็นเม็ดขนาดเมล็ดในพุทราไทย
เก็บเอาไว้รับประทานเป็นยาดีได้

ขนาดรับประทาน
รับประทานครั้งละ ๒-๓ เม็ด เช้าและเย็น ก่อนนอนทุกคืนอย่างสม่ำเสมอ

สรรพคุณ
รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดีมาก เมื่อมีอาการแล้วจะหายไปได้เมื่อรับประทานยานี้ ขอแนะนำว่าเมื่อได้ผลดีแล้ว กรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้แก่ท่านเจ้าของตำรับยาขนานนี้ด้วย

ยารักษาอาการปวดเมื่อย
ขนานที่ ๒

ส่วนผสมของตัวยา
ต้นกะเม็งทั้งห้า หนัก ๑ กก.
น้ำผึ้งแท้

วิธีปรุงยา
เอาต้นกะเม็งทั้งห้าที่แนะนำมาแล้วข้างต้น เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ท่อนเล็กๆ ตากแห้งให้แห้งสนิทเสียก่อน
จากนั้นก็เอามาบดเป็นผงละเอียดตามแบบฉบับยาผงทั่วไป แล้วเอามาผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนแบบยาไทยทั้งหลาย
เก็บเอาไว้รับประทานเป็นยาได้นานวันด้วยการใส่ภาชนะเช่น ขวดมีฝาปิดแน่น

ขนาดรับประทาน
รับประทานครั้งละ ๑ เม็ด หลังอาหารเช้า กลางวันและเย็น รับประทานไปสัก ๑๕ วัน อาการป่วยก็ทุเลาลงเรื่อยๆ

สรรพคุณ
รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายปวดกล้ามเนื้อตามร่างกายทั่วไป เรียกว่าอาการปวดเมื่อยทุกชนิดนั่นเอง
เคล็ดลับนั้น ท่านว่าให้ปลุกเสกด้วยคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ด้วย เวลารับประทานจะเกิดผลดีมากยิ่งขึ้น (คาถานี้ก็คือ นะโมพุทธายะฯ นั่นเอง)

ยารักษาอาการปวดเมื่อย
ขนานที่ ๓

ส่วนผสมของตัวยา
น้ำมะนาว ๑ ช้อนกาแฟ
น้ำผึ้งเดือนห้า ๕ ช้อนกาแฟ
น้ำโซดา ๑ ขวด

วิธีปรุงยา
เอาน้ำมะนาวมาผสมรวมกันกัยน้ำผึ้งเดือนห้าทั้ง ๒ อย่าง กวน คนให้เข้ากันดีแล้ว เอาน้ำโซดามาใส่ลงไป ควรเอาแก้วมาใส่ผสมจะสะดวกดี เมื่อใส่น้ำโซดาลงไปแล้วก็กวน คนให้เข้าด้วยกัน

ขนาดรับประทาน
รับประทานเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ๑ แก้ว ก่อนนอนเวลากลางคืนอีก ๑ แก้ว รวมวันละ ๒ แก้ว
ปฏิบัติเป็นประจำเพียง ๒-๓ วัน เท่านั้นเองก็ใช้ได้

สรรพคุณ
รักษา แก้อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวทั่วไป แก้อาการปวดเมื่อยทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาให้หายไปได้อย่างดี
รับประทานยานี้เพียง ๒-๓ วันเท่านั้น อาการที่ปวดเมื่อยก็ค่อยๆ ทุเลาลงเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติได้
นอกจากนี้ยังแก้อาการอ่อนเพลียได้ รวมทั้งเป็นยาไทยที่ใช้บำรุงร่างกายได้ดีมาก น้ำผึ้งเดือนห้ากับน้ำมะนาวนี่แหละ

http://board.palungjit.com/f23/พระบูรพาจารย์ของ-หลวงพ่อพระราชพรหมยาน-วัดท่าซุง-190836-2.html

http://www.konmeungbua.com/