นักการเมืองสวีเดนเสนอชื่อ เกรต้า ทูนแบร์ย (Greta Thunberg) เพื่อรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

วันนี้ นักการเมืองสวีเดนเสนอชื่อ เกรต้า ทูนแบร์ย (Greta Thunberg) เพื่อรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จะว่าไปแล้วเป็นคนที่ผมคิดว่าควรได้รางวัลมากที่สุดในรอบหลายปี

ไม่น่าเชื่อว่าวัยรุ่นชาวสวีเดนอายุแค่ 16 ปี แต่กำลังกลายเป็นผู้ขับเคลื่อนคนรุ่นใหม่ทั่วโลก เป็นแกนนำขบวนการ “โดดเรียนเพื่อสู้โลกร้อน” (School strike for climate) ที่กำลังจะนัดหยุดเรียนครั้งใหญ่วันที่ 15 มีนาคมนี้ เพื่อแสดงพลังให้ชาวโลก แก้ปัญหาโลกร้อนกันจริงจังๆ เสียที เพราะคนที่จะรับผลกรรมในวันข้างหน้า คือเด็กๆ ในวันนี้

เกรต้า เห็นสวีเดนเจอปัญหาร้อนจัดกับไฟป่าแล้วทนไม่ไหว ตัดสินใจไม่เข้าชั้นเรียน แต่มาปราศรัยที่นอกรัฐสภาทุกวันเมือ่เดือนสิงหาคม 2018 ลั่นวาจาว่าจะพูดมันทุกวันจนกว่าสวีเดนจะเลือกตั้งเสร็จ เหมือนต้องการจะให้นักการเมืองได้ตระหนัก แต่ต่อมาเธอตั้งใจใหม่ โดยจะพูดทุกวันศุกร์จนกว่าสวีเดนจะปฏิบัติสอดคล้องกับเงื่อนไขของ Paris Agreement เพื่อแก้ปัญหาสภาพแวดล้อม

ถึงเธอเริ่มพูดคนเดียว แต่ไม่เดียวดาย เด็กๆ ในหลายประเทศเห็นตัวอย่าง ก็ลุกขึ้นมาทำบ้าง ทีละคนสองคน จนกระทั่ง เป็นหลักสิบ หลักร้อย ถึงหลักหมื่น และคาดว่าพรุ่งนี้น่าจะเป็นหลักแสน

ผมอ่านเรื่อง เกรต้า แต่ไม่ทันสังเกตว่าเธอมีอาการไม่พูดในบางสถานการณ์ (Selective Mutism) มีอาการ Asperger syndrome ซึ่งเป็นความบกพร่องในการเข้าสังคม แสดงว่าเรียนรู้ช้า และไม่ค่อยพูดในบางครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่า เธอเป็นแกนนำปราศรัยที่ปลุกเร้าให้คนรุ่นใหม่แสดงพลังได้อย่างน่าทึ่ง แถมยังพูดได้อย่ามีหลักการ น่าเชื่อถือ และเร้าใจจนน่าขนลุก

แสดงว่ามนุษย์มีพลังแฝงที่ล้นเหลือ เมื่อถึงคราวจำเป็นจะสำแดงออกมาเหมือนเกรต้า

มีผู้ใหญ่บางคนพยายามดิสเครดิต เช่นรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมแคว้นแฟลนเดอร์ส ที่ใส่ไคล้ว่าพลังเด็กเป็นพวกจัดตั้ง แต่พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นพลังบริสุทธิ์จริงๆ และ รมต. รายนั้นต้องลาออกไปอย่างน่าขายหน้า

พลังเยาวชนคนโดดเรียนเพื่อโลก ไม่ใช่แค่เรียกร้องให้แก้ปัญหาโลกร้อน แต่ยังกดดันให้ผู็ใหญ่แก้กฎหมายลดเพดานอายุผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย ให้เหลือแค่ 16 ปีเยาวชนจะได้มีโอกาสได้กำหนดอนาคตตัวเอง เพราะผู้ใหญ่วันนี้เล่นเตะถ่วงไม่แก้ปัญหาจริงจัง คนที่จะลำบากคือผู้ใหญ่ในอนาคต

ผมนึกถึงเลือกตั้งเมืองไทย สถิติประชากรไทยตอนนี้ วัย 18 – 35 ปี หรือกลุ่ม Millennials มีประมาณ 16.7 ล้านคน ส่วนคนรุ่น 35 – 60 ปี มีจำนวนประชากรกว่า 24.6 ล้านคน ยังไม่นับ 60 – 99 ปีที่มีหลายล้าน

อนาคตประชากรยิ่งจะมีน้อยลง พลังการตัดสินใจจะยิ่งอยู่ที่คนสูงวัย หากไม่ลดเพดานลง นโยบายอาจจะไม่สนองคนรุ่นใหม่มากพอ จนเด็กๆ ต้องออกมาแสดงพลัง

ถ้ามีคนแบบเกรต้าก็ดีไป

ขอบคุณ : Kornkit Disthan