เรื่องเล่าในเรือนจำจากอดีตนักโทษการเมือง : ธุรกิจในเรือนจำ (1)

ภาพ : สำนักข่าวเจ้าพระยา

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า สังคมในเรือนจำเป็นสังคมแห่งการแบ่งชนชั้นยิ่งกว่าสังคมภายนอก ผู้ต้องขังยากจน-ผู้ต้องขังร่ำรวยต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะแดน 1 ซึ่งเป็นแดนของผู้ต้องขัง VIP
ธุรกิจในเรือนจำเริ่มต้นจากความไม่พร้อมของผู้ต้องขังแต่ละคน ผู้ต้องขังที่มีฐานะมักมีญาติ-เพื่อนซื้อของ-ฝากเงินให้กับพวกเขา ขณะที่ผู้ต้องขังที่ยากจนแทบไม่มีใครเหลียวแล

บางคนไม่กล้าเล่าเรื่องที่ตนเองอยู่ในเรือนจำให้กับญาติ-เพื่อนรับรู้ บางคนมีญาติ-เพื่อนก็เหมือนไม่มี เนื่องจากไม่มีใครสนใจจะมาเยี่ยม บางคนถูกภรรยาทอดทิ้งไปมีครอบครัวใหม่
ความเครียดเกิดขึ้นกับผู้ต้องขังเหล่านี้ แม้ในเรือนจำจะมีสวัสดิการ เช่น อาหารของเรือนจำ 3 มื้อ, ห้องนอน, น้ำดื่ม และเครื่องแบบผู้ต้องขัง แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา
ของใช้ประจำตัว เช่น สบู่, ยาสีฟัน, ผงซักฟอก และแชมพูเป็นสิ่งที่ผู้ต้องขังทุกคนต้องซื้อหาเอง เรือนจำจะแจกสิ่งของเหล่านี้ให้เพียงปีละ 1-2 ครั้งซึ่งไม่เพียงพอ ผู้ต้องขังที่ยากจนจึงจำเป็นต้องหารายได้เพื่อการยังชีพ

ธุรกิจในเรือนจำมีอยู่ในทุกส่วนของเรือนจำ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำจนถึงวันปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ตั้งแต่คุณก้าวเท้าออกจากห้องนอนจนกลับเข้าห้องนอนตอนเย็น
ผู้ต้องขังใหม่ที่เข้าเรือนจำเป็นครั้งแรกจะเป็นลูกค้า (เหยื่อ) ของผู้ต้องขังเก่าที่ต้องการหารายได้ เมื่อผู้ต้องขังใหม่มาถึงเรือนจำแห่งนี้ในช่วงเย็น (เวลา 16.00-20.00 น. ของวันทำการ หากตรงกับวันหยุดราชการวัน-เวลาจะเปลี่ยนแปลง) พวกเขาจะถูกจับจ้องจากผู้ต้องขังเก่าเหล่านี้

ผู้ต้องขังใหม่ทุกคนจะถูกส่งตัวเข้ามาในแดน 1 ซึ่งเป็นแดนแรกรับ แต่มีบางครั้งที่ผู้ต้องขังใหม่ถูกส่งตัวเข้าแดนอื่นในวันแรกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคดีสำคัญ หรือคดีที่มีผู้ต้องหาจำนวนมาก
ทันทีที่ผู้ต้องขังใหม่ก้าวเท้าเข้ามาถึงแดน 1 พวกเขาจะถูกจับจ้องจากผู้ต้องขังเก่าเหล่านี้ พวกเขาสามารถจ้องมองผู้ต้องขังใหม่จากหน้าต่างของห้องนอน หรือการส่งข่าวจากพี่เลี้ยง (ผู้ต้องขังที่ช่วยงานเจ้าหน้าที่เรือนจำ)

ผู้ต้องขังที่ยากจน-มีฐานะเป็นสิ่งที่ดูได้ไม่ยาก การแต่งตัว-หน้าตาของพวกเขาบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี ผู้ต้องขังเก่าเหล่านี้ใช้ประสบการณ์ของพวกเขาแบ่งแยกประเภทของลูกค้าได้อย่างไม่ยากเย็น

– ผู้ต้องขังที่มีชื่อเสียงมักจะถูกฝากฝังจากบุคคลภายนอกตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำจะจัดเตรียมอาหาร-ของใช้ประจำตัวให้กับพวกเขาทันทีที่พวกเขาจะมาถึง

– ผู้ต้องขังสาวประเภท 2 ดูได้จากการแต่งตัว-ทรงผม หากพวกเขา (เธอ) หน้าตาสระสวยจะถูกจองตัวจากผู้ต้องขังขาใหญ่ หากหน้าตาธรรมดาจะถูกจับจองจากผู้ต้องขังเก่าธรรมดา

– ผู้ต้องขังที่แต่งตัวดี, ผู้ต้องขังต่างชาติ (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี และตะวันตก) จัดอยู่ในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีฐานะ พวกเขาจะถูกจับจองด้วยสายตาเพื่อรอการทำธุรกิจในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

– ผู้ต้องขังวัยรุ่น, ผู้ต้องขังที่แต่งตัวธรรมดา และผู้ต้องขังชาติเพื่อนบ้าน (ลาว, กัมพูชา, พม่า และเวียดนาม) จะถูกคัดกรองด้วยสายตา ผู้ต้องขังเก่าจะรอดึงพวกเขาให้เข้าบ้าน (ภาษาคุกหมายถึง กลุ่มของผู้ต้องขัง) เพื่อหวังใช้แรงงานพวกเขา

ตอนเช้าเจ้าหน้าที่จะปล่อยผู้ต้องขังใหม่ออกจากห้อง 13 (ห้องนอนสำหรับผู้ต้องขังใหม่) ผู้ต้องขังใหม่ส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์ในเรือนจำมาก่อนจึงไม่ทราบกิจวัตรประจำวันของเรือนจำแห่งนี้ และไม่ได้เตรียมของใช้ประจำมาก่อน ผู้ต้องขังใหม่จึงนั่งรวมกันที่ใต้ต้นหูกวาง (ด้านหน้าเรือนนอน) เนื่องจากไม่มีเสื้อผ้า-ของใช้ประจำตัว เมื่อผู้ต้องขังเก่าลงมาจากเรือนนอน พวกเขาจะพุ่งเป้าไปหาผู้ต้องขังใหม่ตามประเภทที่พวกเขาแบ่งแยกไว้

ผู้ต้องขังที่มีชื่อเสียงจะเป็นที่ต้องการมากที่สุด ผู้ต้องขังเก่าพยายามที่จะแย่งชิงลูกค้าชั้นดีเหล่านี้ พวกเขายินดีจ่ายไม่อั้น หากพวกเขาได้รับการบริการที่ถูกใจ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการต้อนรับราวกับราชา

ผู้ต้องขังสาวประเภท 2 จะมีผู้ต้องขังเก่า-ลูกน้องของผู้ต้องขังขาใหญ่มาติดต่อ ด้วยการมอบสิ่งของ เช่น เสื้อผ้า-กางเกง, ของใช้ประจำตัว และอาหาร เพื่อเป็นการซื้อใจพวกเขา (เธอ)
ผู้ต้องขังที่มีฐานะจะถูกจับจองแบ่งแยกกันไป ผู้ต้องขังเก่าจะมีข้อตกลงไม่แย่งลูกค้าซึ่งกันและกัน ผู้ต้องขังเก่าที่ขยันอาจมีลูกค้ามากกว่า 20 คน และหารายได้ในเรือนจำมากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน

ธุรกิจเริ่มต้นขึ้นด้วยการที่ผู้ต้องขังเก่าเหล่านี้ให้ผู้ต้องขังใหม่ยืมของใช้ประจำวัน-เสื้อผ้าจากพวกเขา พวกเขาจะแนะนำผู้ต้องขังใหม่ต้องปฏิบัติตนอย่างไรในเรือนจำแห่งนี้
ผู้ต้องขังเก่ายังมีบริการรับซักเสื้อผ้า-เครื่องนอนทุกชนิด รวมทั้งสินค้าอื่น เช่น กาแฟ, โอวัลติน และน้ำอัดลม ทุกอย่างสามารถยืมจากผู้ต้องขังเก่าก่อน โดยผู้ต้องขังใหม่ต้องชดใช้คืนให้ในภายหลัง
เนื่องจากเงินสดเป็นสิ่งต้องห้ามของเรือนจำ อีกทั้งผู้ต้องขังใหม่ยังไม่สามารถใช้เงินสดจากบุ๊ค (ภาษาคุกหมายถึง บัญชีเงินของผู้ต้องขัง) ของพวกเขาจึงต้องให้ญาติ-เพื่อนที่มาเยี่ยมพวกเขาจ่ายเงินแทน

เมื่อญาติ-เพื่อนมาเยี่ยมผู้ต้องขังใหม่ พวกเขาจะต้องซื้อบุหรี่ชดใช้คืนผู้ต้องขังเก่าเหล่านี้ แม้จะไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน แต่ผู้ต้องขังใหม่มักจะชดใช้บุหรี่ให้ในอัตราที่คุ้มค่ากว่าสิ่งของที่พวกเขาได้รับ บางคนซื้อเป็น 2 เท่าของสิ่งของที่พวกเขาได้รับก็มี

ในตอนเย็นผู้ต้องขังใหม่จะถูกแบ่งแยกไปยังห้องนอนชั้นบน (ห้อง 1-10) พวกเขาจะต้องนอนบนผ้าห่มหลวง (ภาษาคุกหมายถึง ผ้าห่มสีเทาของเรือนจำ) บนพื้นซีเมนท์ตามลำดับอาวุโส
ความอาวุโสไม่ได้หมายถึงอายุ แต่หมายถึงพรรษาในเรือนจำ ผู้ต้องขังขาใหญ่-อยู่ในเรือนจำมานานจึงได้นอนบนพื้นที่ที่ดีที่สุดในห้องนอนซึ่งอยู่ห่างจากบล็อก (ภาษาคุกหมายถึง ห้องน้ำ) มากที่สุด

ผู้ต้องขังที่พรรษาน้อยกว่าจะนอนเรียงลงมา ยิ่งพรรษาน้อยเท่าไร่ยิ่งนอนใกล้บล็อกมากเท่านั้น ดังนั้นผู้ต้องขังใหม่จึงได้นอนข้างบล็อก-ถังขยะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งแสนจะทรมาน
การนอนใกล้บล็อก-ถังขยะไม่ใช่เรื่องสนุก นอกจากจะต้องทนสูดดมกลิ่นเหม็นจากบล็อก-ถังขยะแล้ว ตอนกลางคืนมักมีผู้ต้องขังเข้าบล็อกเพื่อปลดทุกข์จึงมีเสียงเปิด-ปิดประตูบล็อกดังรบกวนการนอนตลอดเวลา

บางครั้งผู้ต้องขังท้องเสียจะส่งเสียงถ่ายท้องดังจนตกใจตื่น บางครั้งผู้ต้องขังราดน้ำแรงจนน้ำกระเด็นมาโดนร่างกาย บางครั้งผู้ต้องขังทิ้งขยะในถังที่แน่นเอียดจนร่วงลงมาโดนร่างกาย
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้ต้องขังคนใดอยากนอนข้างบล็อก แต่พื้นที่ในห้องนอนสามารถซื้อได้จากผู้ต้องขังเก่า ผู้ต้องขังที่มีฐานะจึงซื้อพื้นที่ในห้องนอนที่ดีกว่า โดยการเลื่อนผู้ต้องขังอ่อนอาวุโสลงไปแทน
ในอดีตผู้ต้องขังสามารถมีที่นอนได้ ผู้ต้องขังใหม่สามารถซื้อ-เช่าที่นอนจากผู้ต้องขังเก่า ผู้ต้องเก่าจะรวบรวมที่นอนเก่าจากผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวมาเก็บเพื่อขาย-ให้เช่า

ปัจจุบันระเบียบเรือนจำห้ามผู้ต้องขังมีที่นอน ผู้ต้องขังเกือบทั้งหมดจึงต้องนอนบนผ้าห่มหลวงบางๆเพียง 3 ผืน ยกเว้นผู้ต้องขัง VIP ที่ยังคงได้รับสิทธิในการนอนบนที่นอนส่วนตัว

ขอบคุณที่มา : เอกชัย หงส์กังวาน