ข้าวต้มถั่วเขียว‬ ล้างพิษสารโลหะหนัก

ทุกวันนี้มีสารพิษรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศเป็นพิษ เครื่องอุปโภคบริโภคที่มีสารเคมีที่มีอันตราย สิ่งเหล่านี้แก้ไขด้วยแนวทางธรรมชาติบำบัด อาหารเป็นยาเพียงแค่เราใส่ใจตัวเอง ตรวจสอบตัวเอง พี่งพาตัวเอง วันนี้ขอแนะนำข้าวต้มถั่วเขียวล้างสารพิษโลหะหนัก
คนที่ชอบกินอาหารทะเล.เป็นประจำ อาทิ กุ้ง หอย ปู ปลา โดยเฉพาะ กุ้งแห้ง มีโอกาสได้รับสารพิษโลหะหนักมากที่สุด รวมไปถึงการใช้ยาฆ่าแมลง ดีดีทีสูดกลิ่นควันพิษจากโรงงาน.อุตสาหกรรม ควันรถยนต์ คนในเมืองใหญ่ได่รับสารพิษจากควันรถยนต์มากที่สุด หรือดื่มน้ำปะปาต้มโดยไม่ผ่านการกรอง

อาการ :: สารพิษจะสะสมเข้าไปที่ตับทำให้ตับทำงานหนัก และจะมีอาการทางสมองร่วมด้วยเช่น จะปวดหัวบ่อย.สมองมึนงง เฉื่อยชา จากนั้นจะเริ่มมีเนื้องอก เสี่ยงเป็นมะเร็ง สมองเสื่อม

13178061_222490584800637_682034255080177772_n

อาหารล้างพิษ.:: ข้าวต้มถั่วเขียว
ข้าวสาร.1 กำมือ ถั่วเขียว 1 กำมือ (สูตรสำหรับ 1 คน)
ต้มถั่วเขียว จนใกล้จะสุกก่อนแล้วจึงใส่ข้าวสารลงไปต้มพร้อมกัน จนกลายเป็นข้าวต้ม กินกับกับข้าวทั่วๆไป ช่วงล้างพิษกินวันละหนึ่งมื้อ กินติดต่อกัน 15-30 วัน

ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อนคนจะเจ็บป่วยไม่ทราบสาเหตุกันเยอะมาก เป็นเพราะว่าสารพิษที่อยู่ในดิน คือยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าเมื่อก่อนคนเรามักจะคิดว่า ท้องไร่ท้องนา เป็นสวรรค์ของคนที่เกษียณก็อยากกลับไปอยู่ชนบท แต่ความจริงมันไม่ใช่เป็นเช่นนั้นแล้ว ในชนบทกลับอุดมไปด้วยสารพิษ ในเมืองก็อุดมไปด้วยควันพิษ.สารพิษที่มากับโรงงาน อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้ค้นพบว่า การใช้ถั่วเขียวต้มกับข้าวสารมันช่วยล้างพิษได้ จะถั้วเขียวเดี่ยวๆ ก็ไม่ได้ ข้าวต้มเดี่ยวๆ ก็ไม่ได้ แล้วจะกินถั่วเขียวคำ ข้าวคำก็ไม่ได้ ต้องเกิดจากการต้มด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้อธิบายได้ว่า สมมุติเราจะดื่มน้ำ เรารู้ว่า น้ำประกอบไปด้วยไฮโดรเจนสองส่วน ออกซิเจน หนึ่งส่วนคราวนี้ถ้าไม่มีน้ำ มีแต่ถังก๊าช เราจะกินไฮโดรเจน สองคำ งับออกซิเจน หนึ่งคำ มันจะเข้าไปเป็นน้ำไหม.? คิดดูจะเป็นไหม? ไม่เป็นนะเพราะมันไม่ได้ไปพร้อมกัน ไม่ได้เกิดการสังเคราะห์ แต่ถ้าหากว่าถั้วเขียวกับข้าวเมื่อต้มด้วยกัน มันจะเกิดการสังเคราะห์กันขึ้นมา เป็นตัวล้างพิษได้ดี.

ดูแลสุขภาพตัวเองป้องกันตัวเองก่อนป่วยด้วยอาหารเป็นยากันนะคะ การที่โลกเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เชื้อโรคเองก็เปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้น ทำให้ยากต่อการรักษา ถึงแม้การแพทย์จะเจริญขึ้น แต่กว่าจะค้นพบตัวยา สำหรับรักษา เชื้อโรคก็พัฒนาหนีไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว การพึ่งพาธรรมชาติใช้อาหารเป็นยา ยังคงใช้ได้ผลดี.สุขภาพแข็งแรงได้ด้วยอาหารเป็นยา ไม่ต้องใช้เข็มไม่ใช้ยา ได้พิสูจน์ตัวเองและคนรอบข้าง ขอรับรองว่าได้ผลจริง.ไม่ต้องเชื่อตามที่บอกมาทั้งหมด หลายๆโพสต์ได้ ทดลองมากมาย หลายคน และทุกคนสุขภาพแข็งแรง สุขภาพจิตก็พลอยดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา ได้มากมาย ขอบพระคุณอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ที่ถ่ายทอดความรู้ธรรมชาติบำบัดอาหารเป็นยา และศาสตร์พยากรณ์สุขภาพด้วยเพนดูลั่ม
ในโพสต์นี้ทำข้าวต้มถั่วเขียวกินกับไข่เจียวใบหม่อนและอ่อมแซบ ผักพื้นบ้านของไทย ใบหม่อน มีแร่ธาตุแมกนีเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมในกระบวนการสร้างกระดูก ใบอ่อมแซบมีกรดอมิโนบำรุงร่างกายช่วยปรับสมดุลของธาตุทั้ง 5

13226853_222490271467335_8782611628275249461_n

สรรพคุณของถั่วเขียว

ถั่วเขียว เป็นพืชตระกูลถั่ว มักนำไปประกอบอาหารหรือขนม ถั่วเขียวมีประโยชน์กับสุขภาพมาก

1.โพแทสเซียมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย
2. สารต้านเอนไซม์โปรตีเอส มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง
3.ช่วยบำรุงร่างกายบำรุงกำลังเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด
4.แมกนีเซียมช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย
5. ช่วยลดความดันโลหิต
6. ช่วยทำให้เจริญอาหาร
7. ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนัก
8. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
9. ถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของหัวใจและม้าม
10.ถั่วเขียวอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย
11.ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเบาหวานได้
12. แคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันมิให้กระดูกอ่อนตัวคดงอ หรือทรุดตัวลง
13. ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
14. ธาตุโบรอน ช่วยสมองทำงานได้ฉับไวมากขึ้น
15. ช่วยบำรุงสายตา
16. วิตามินบี2ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก
17. มีเส้นใยอาหารสูงจึงช่วยในการขับถ่าย

สูตรข้าวต้มถั่วเขียว ตอนแรกให้ต้มในหม้อดินเท่านั้นแต่สามารถต้มหม้อโลหะได้เพียงแต่ เอาถั่วเขียวต้มลงไปก่อน ค่อยตามด้วยข้าวสารลงไปต้มพร้อมกัน

*ถ้านำมาแช่จนรากงอกนิดๆจะได้สารกาบาบำรุงสมองค่ะ‬

ให้เด็กกินบ่อยๆ เด็กจะตัวสูงขึ้นเพราะว่ามีแร่ธาตุฟอสฟอรัสสูงมาก

ขอบคุณที่มา :
https://www.facebook.com/groups/503857663136817/permalink/555546437967939/
อาจารย์ สุทธิวัสส์ คำภา 
และขอขอบพระคุณผู้ที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้ทุกๆท่านค่ะ
แบ่งปันโดยจิตอาสา
นปภาธรรมชาติบำบัด จังหวัดลำพูน