รวมผักไฮโดรแบบง่ายสไตล์ครูชาตรี

ตอนที่1

พักนี้มีคนถามมาบ่อยเรื่องผักไฮโดรฯ การทำสารละลายแบบบ้านสำหรับผักไฮโดรฯและปีหน้าฝนแล้งขาดแคลนนำ้ยิ่งกว่าปีนี้แน่นอนรับรองผักโคตรแพง ผักไฮโดรโปนิกเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งสำหรับเกษตรกรเพาะใช้นำ้น้อยมาก
พอพูดถึงการปลูกผักไร้ดินขึ้นมาบางคนส่ายหน้าเพราะคิดว่ามันแพง ต้นทุนสูง เหมาะสำหรับบ้านที่มีอันจะกิน คนหาเช้ากินเย็นๆคงทำไม่ได้ เพราะที่เสนอขายชุดปลูกสำเร็จรูปถือว่าแพงมาก รวมทั้งสารละลายที่ปลูก วันนี้ครูชาตรีขออนุญาตนำเสนอวิธีการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์แบบง่ายๆเหมาะสำหรับรับมือภัยแล้งในปีหน้าจะได้มีผักไว้ขายเอาเงินมาซื้อปลาทูตำน้ำพริกครับ

อันดับแรกครูชาตรีตั้งกฎของไฮโดรโปนิกส์ไว้ 3 ข้อครับ

1.มีระบบน้ำไหลผ่านระบบรากตลอดเวลา
2. ระบบน้ำต้องเป็นระบบหมุนเวียน
3. ในน้ำนั้นมีธาตุอาหารเพียงพอต่อพืชซึ่งพืชต้องการธาตุอาหารหลักในการเจริญเติบโต 3 ตัวคือ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโปรแตสเซียม (K) นอกนั้นเป็นธาตุอาหารรองซึ่งพืชต้องการแต่ต้องการในปริมาณที่น้อย

ถ้าเรายึดกฎ3ข้อเราจะปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ง่ายมาก เช่น เราหาอ่างมา1ใบ ใส่น้ำที่มีสารอาหารสำหรับพืชลงไปเอาเสื้อยืดมาแขวนแล้วปั๊มน้ำที่มีสารละลายให้ผ่านเสื้อยืดตลอดเวลา เจาะรูที่เสื้อเอาต้นไม้เสียบลงไปปลูกแค่นี้ก็ปลูกผักได้แล้ว ลองดูตัวอย่างนะครับว่ากฏ3ข้อปลูกผักแบบใดได้บ้าง

และพบกันใหม่ตอนที่2 นะครับ

ตอนที่2

อาจจะยาวหลายตอนท่านที่ทราบแล้วถือว่าทบทวนความจำ ท่านที่ไม่รู้จักก็จะได้รู้จัก ท่านใดเป็นเซียนผิดถูกอย่าว่ากันนะ เริ่มกันเลย การปลูกผักไฮโดรเริ่มอย่างไร
อันดับแรกมารู้จักระบบผักไร้ดินแบบไฮโดรฯกันก่อน ถือว่าทุกคนเป็นนักเรียนม.1ก็แล้วกัน

ระบบการปลูกการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์โดยทั่วไปมีหลายระบบ
1. ระบบ NFT (Nutrient Film Technique) การปลูกแบบนี้จะเป็นการปลูกพืชโดยรากแช่ อยู่ในสารละลายโดยตรง สารละลายธาตุอาหารจะไหลเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ (หนาประมาณ 2-3 มิลิเมตร) ในรางปลูกพืชกว้าง ตั้งแต่ 5-35 ซม. สูงประมาณ 5 – 10 ซม. ความกว้างราง ขึ้นอยู่กับชนิดพืชที่ปลูก ความยาวของราง ตั้งแต่ 5 – 20 เมตร การไหลของสารละลายอาจเป็นแบบต่อเนื่องหรือแบบสลับก็ได้โดยทั่วไปสารละลายจะ ไหลแบบต่อเนื่อง อัตราไหลอยู่ในช่วง 1 – 2 ลิตร/นาที/ราง เหมาะสำหรับปลูกผักสลัดทั่วไปและประหยัดแรงงาน(ภาพท่ี1)

11990670_1043045425719378_5412455970051341879_n

2. ระบบ DFT (Deep Flow Technique) เป็นระบบที่ใช้ท่อ PVC มาปลูกผัก โดยหลักการเดียวกับ ระบบNFT โดยที่มีน้ำไหลผ่านท่อ ความหนาของน้ำจะสูงกว่าระบบNFT จะเป็นระบบที่นิยมใช้กันมากในไทยเนื่องจากต้นทุนถูก (ภาพที่2)ข้อมูลภาพจาก zen hydroponics

 

10987368_1043045785719342_5136474437616616239_n

3. ระบบ DRFT (Dynamic Root Floating Technique) เป็นการปลูกพืชแบบน้ำเยอะ ส่วนมากนิยมปลูกกันในถาดโฟม เหมาะสำหรับปลูกผักไทย(ภาพที่3)

 

11988634_1043046052385982_8335477165657638784_n

4.ระบบ Aeroponics เป็นระบบที่รากพืชลอยอยู่ในอากาศ และมีการฉีดสารละลายไปที่รากพืชโดยตรง เนื่องจากต้องใช้ปั๊มแรงดันสูงในการฉีดสารละลายให้เป็นฝอย จึงเปลืองพลังงานมาก จึงใช้ปลูกแค่ในห้องทดลองเพื่อการทำวิจัย หรือปลูกเป็นงานอดิเรกเท่านั้น ไม่นิยมปลูกเพื่อการค้า(ภาพที่4)ข้อมูลภาพจาก zen hydroponics

 

12002980_1043047775719143_7204110426589370281_n

5.ระบบไฮโดรโปนิกส์แบบให้อากาศ คือการปลูกพืชในสารละลายแล้วปั๊มอากาศเข้าไปในน้ำ เช่นเดียวกับการเติมอากาศในตู้ปลาเหมาะสำหรับปลูกไว้รับประทานเองในครอบครัวไม่เหมาะสำหรับระบบการค้า (ภาพที่5) ข้อมูลภาพจาก agri.wu.ac.th

 

11219387_1043047975719123_8008940292788664687_n

6.ระบบผสม แบบนี้ผมประยุกต์ขึ้นมาใช้เองเนื่องมาจากต้องการลดต้นทุน เพราะทุกระบบที่กล่าวมาจะเป็นวัสดุสำเร็จรูปที่มีผู้ผลิตมาจำหน่ายโดยเฉพาะทำให้มีราคาแพง พื้นที่บางแห่งหาซื้อได้ยาก.ในส่วนของโรงเรียนจะตัดแปลงโต๊ะปลูกระบบรางปลูกหรือท่อเปลี่ยนเป็นกระเบื้องลอนคู่ปูทับด้วยพลาสติกกันน้ำเป็นรางสำหรับปลูก ภาพของครูชาตรี

12003328_1043054685718452_1718358404196933938_n

ว้าว…..สงสัยยาวไปหน่อย…..สงสารคนที่ต้องอ่านจากมือถือ..ไม่ได้ใช้เครื่องพีซี… พรุ่งนี้แล้วกันตอนที่3ทำโต๊ะปลูกแบบง่ายๆสไตน์ครูชาตรี ว่ามันถูกขนาดไหน…เคลื่อนย้ายง่าย….อย่าลืมติดตามนะครับส่วนสูตรของผมต้องท้ายๆครับท่าน

ตอนที่3

วันนี้จะเป็นการสร้างโต๊ะสำหรับปลูกผักไฮโดโปนิกส์แบบง่ายๆมีหลายแบบครับ

1.การสร้างโต๊ะปลูกด้วยกระเบื้องลอนคู่โดยใช้ปั๊มน้ำของตู้ปลาเป็นปั๊มสำหรับหมุนเวียนน้ำ ปั๊มชนิดนี้มีแรงดันต่ำ ส่งได้สูงไม่เกิน70 ซม. ดังนั้นโต๊ะปลูกผักระบบนี้จะต้องมีความสูงไม่เกิน 50-60 ซม. มีความลาดเอียง ไม่เกิน2-5 องศา ความยาว ประมาณ10-12 เมตรแบบนี้สามารถทำเพื่อการค้าได้ครับ

อุปกรณ์ท่ีสำคัญก็จะเป็นกระเบื้องลอนคู่ของเก่าราคาน่าจะอยู่ท่ีแผ่นละ20 บาท ปั๊มตู้ปลาราคาประมาณ 350 บาท พลาสติกสีดำหน้ากว้าง2 เมตร ราคาเมตรละ50บาท โต๊ะแบบนี้ประหยัดตั้นทุนมากครับ (ภาพที่1-4) สำหรับโฟมท่ีเป็นวัสดุประกอบในการปลูกผมใช้โฟมหนา1 นิ้วการเจาะแผ่นโฟมสำหรับปลูกผักแบบปลูกบนแผ่นโฟมทั่วๆไป ใช้ท่อประปาเหล็กขนาดครึ่งนิ้วหรือ4หุนเผาไฟให้ร้อนแล้วเจาะตามรอยที่ทำ เครื่องหมายไว้ ถ้ามีหัวจุกเห็ดที่เป็นพลาสติกใส่ลงในช่องที่เจาะจะช่วยยืดอายุโฟมได้อีกนาน(ภาพท่ี5)

2.การสร้างโต๊ะปลูกด้วยกระเบื้องลอนคู่โดยวิธีการปลูกปลูกแบบหว่านไม่ใช้โฟม แบบนี้ผมประยุกต์ขึ้นมาอีกแบบหนึ่งเพราะต้องการลดการใช้โฟมและบางพื้นที่หาโฟมยาก วางระบบเหมือนแบบที่1เราเปลี่ยนจากโฟมเป็นตะแกรงปลูกท่ีทำด้วยแสลนดำซ้อนกัน2ชั้น(ภาพ6)ถ้าจะปลูกผักแบบหว่านจะนำวัสดุปลูกมาหว่านบนแสลนรดนำ้ให้ชุ่มหว่านเหมือนหว่านเมล็ดบนแปลงปลูกบนดินหลังจากนั้นก็เดินระบบนำ้เหมือนปลูกผักไฮโดรทั่วไป(ภาพ7-8)เมื่อผักงอกรากผักจะเจริญเติบโตในนำ้ท่ีมีปุ๋ย แต่ถ้าปลูกแบบเพาะกล้าเอานิ้วจิ้มแสลนให้เป็นรู เอากล้าผักเสียบลงไปในรูท่ีเราเอานิ้วจิ้มไว้ก็เป็นอันเสร็จวิธีการแสนง่าย(ภาพ9-10) และนี่คือผลผลิตที่ได้จากการจิ้มปลูก(ภาพ11-12)

12032236_1043761812314406_868186976972632690_n12038296_1043764128980841_2560536882080119027_n 11150924_1043762042314383_2116479336871065546_n 12036536_1043766918980562_1562727362495997699_n 12032024_1043766452313942_2503460661520179615_n

10256945_1043766752313912_3088362065657524054_n12038170_1043763152314272_5240007586170815185_n 12038041_1043760545647866_98634597465052310_n 11224459_1043764718980782_1764183686524099977_n 11181745_1043766372313950_5307080844155683451_n 11201500_1043761865647734_3082600419937636224_n 11822805_1043766952313892_26151076720532803_n

พรุ่งนี้ตอนที่4นะครับเป็นรูปแบบโต๊ะปลูกง่ายๆสำหรับปลูกผักกินที่บ้านต้นทุนไม่ถึง1000บาทติดตามต่อไปนะครับ

ตอนที่4

สารละลายปลูกผักไฮโดรจากธรรมชาติ
ปลูกผักไร้ดินไม่ยาก ยากตรงที่ต้องหาสารละลายสำหรับมาปลูกพืช โดยเฉพาะพื้นที่ในชนบทห่างไกล เกษตรกรจะซื้อสารละลายมาปลูกพืชก็หาซื้อยาก และมีราคาแพง โรงเรียนวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ของโรงเรียนสถาพรวิทยา อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้พัฒนาสูตรสารละลายสำหรับการปลูกผักแบบไม่ใช้ดินหรือผักไฮโดรขึ้นเพื่อแก้ ปัญหาของการใช้สารละลายสำหรับปลูกผักซึ่งหาซื้อยากและมีราคาแพง ที่สำคัญเป็นการลดต้นทุนในการปลูกผัก แต่ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าสารละลายที่ได้เป็นสารละลายพื้นฐานเท่านั้น ผมใช้ปลูกผักพื้นบ้านพวกกวางตุ้ง มะเขือเทศ บวบ กระเพา โหระพา พริก เป็นต้น ไม่ได้ใช้ปลูกผักพวกสลัดนะครับเพราะผักท่ีปลูกนำไปประกอบอาหารและขายให้ชาวบ้าน ชุมชนผมเป็นประเภทบ้านน๊อกบ้านนอกเขาไม่กินผักสลัดเคยปลูกแต่ขายไม่ออกเลยเอาไปเลี้ยงไส้เดือน แต่ผมว่าน่าจะประยุกต์ได้กับผักสลัดนะครับ

เรามาลองทำดูแต่ละสูตรนะครับ

1 สูตรนำหมักมูลสุกร+ปุ๋ยสูตร เสมอ (16-16-16)

1.เตรียมถังพลาสติก 200 ลิตร เติมน้ำประมาณ 150ลิตร
2.นำขี้หมูแห้ง จำนวน 30 กก.ใส่ในถุงตาข่าย แช่ในถังน้ำที่เตรียมไว้ กดให้มิด ทิ้งไว้ 24 ชม. อย่าเกินเพราะจะกลายเป็นน้ำขี้หมูเน่า ครบ24 ชม.นำขี้หมูออกจากถัง
3.หมักต่ออีก 5-7 วันก็จะได้สารละลายขี้หมู สำหรับปลูกผักไร้ดิน
วิธีการใช้สารละลาย
1.เตรียมแปลงปลูกผักไร้ดินเหมือนการปลูกผักไร้ดินทั่วไป
2.เตรียมสารละลาย ใช้ น้ำสะอาด 50 ลิตร น้ำขี้หมูหมัก 50 ลิตร(คำนวณจาก100ลิตร ถ้าใช้น้ำขี้หมู 50ลิตร เติมน้ำ50ลิตร ปุ๋ย เคมี สูตรเสมอเช่น 16-16-16 จำนวน 100 กรัมสำหรับกวางตุ้ง ผักกาด
ปุ๋ย เคมี สูตรเสมอเช่น 16-16-16 จำนวน 200 กรัมสำหรับคะน้า ผักบุ้ง
3.ปลูกผักตามปกติ ถ้าสารละลายในถังยุบเนื่องจากการละเหยให้เติมน้ำขี้หมูหมักเท่าที่น้ำยุบ
4.ใช้สารละลายขี้หมูหมัก1 ลิตรต่อน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นผักที่เราปลูกทุกๆ 5-7 วัน
5.การดูแลเหมือนการปลูกผักไร้ดินทั่วไป ถ้าใบผักเหลือง ไม่สมบูรณ์ให้เติม ปุ๋ย เคมี สูตรเสมอเช่น 16-16-16 จำนวน 100 กรัม

ปลูกผักไร้ดินไม่ต้องใช้สารเคมี เกษตรกรสามารถทำได้เอง สำหรับปลูกพืชพวกมะเขือ พริก คะน้าใช้น้ำสะอาด 30 ลิตร น้ำขี้หมูหมัก 70 ลิตร
ปุ๋ย เคมี สูตรเสมอเช่น 16-16-16 จำนวน 100 กรัม หมั่นสังเกต ถ้า ผักชะงักการเจริญเติบโตอาจมีสาเหตุเนื่องมาจาก
1.ระบบน้ำหมุนเวียนไม่ทั่วแปลง
2.มูลสุกรต้องเป็นมูลสุกรจากหมูขุนเพราะมูลสุกรจากแม่หมูจะมีรำหยาบเป็นส่วน ผสมเพื่อไม่ให้หมูอ้วน มูลที่ได้จึงมีธาตุอาหารน้อยไม่พอต่อการเจริญเติบโตของพืช
3.การเติมปุ๋ยเคมีสูตร16-16-16 ให้สังเกตใบพืชถ้าใบพืชเหลืองให้เติมครั้งละ100กรัมทุกๆ5วันจนผักมีใบสมบูรณ์จึงหยุดเติม

12039704_1044925622198025_8042492283591971562_n 12043038_1044925682198019_5311372867103705368_n 11933492_1044925822198005_3937987662303540402_n

2 สารละลายจากน้ำหมักมูลไส้เดือน

1.นำมูลไส้เดือน 20 กก ใส่ใส่กระสอบแล้วแช่ลงในถังน้ำทีเราใส่น้ำไว้ 100 ลิตร (กรณีเป็นน้ำประปาควรพักน้ำไว้5วัน) เติมออกซิเจนโดยใช้ปั๊มออกซิเจนแบบใช้กับตู้ปลาเป็นเวลา 3 วัน แล้วยกกระสอบปุ๋ยมูลไส้เดือนที่เราแช่ไว้ออก
2.เติมกลูโคส 400 กรัม หาซื้อได้จากร้านขายยา
3. น้ำตาลทรายแดง 1 กก(ไม่ควรใช้กากนำตาลเพราะน้ำหมักที่ได้จะมีสีน้ำตาลไม่ใสและกากน้ำตาลจะไป จับกับระบบรากพืชที่เราปลูกทำให้รากรับออกซิเจนไม่เพียงพอ น้ำหมักอื่นก็เหมือนกันถ้าใช้กับผักที่ปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์ ไม่ควรใช้กากน้ำตาล อัตราการทดแทนน้ำตาลทรายแดง 1 กก.สามารถแทน กากน้ำตาลได้ 4 กก ) เติมออกซิเจน อีกประมาณ3-5 วัน สามารถนำไปใช้ได้
การใช้
ใช้เป็นสารละลายตั้งต้นนะครับสำหรับท่านใช้สารละลายABอยู่ก่อนลองค่อยปรับดูนะครับอย่าง ของเพื่อนผมให้ปรับเป็น60/40น้ำหมักมูลไส้เดือน 60สารละลายAB 40
ส่วนครูชาตรีจะใช้เต็ม100 แต่จะเติมปุ๋ยสูตรเสมอในอัตรา 200 กรัมต่อนำหมักมูลไส้เดือน 100ลิตรแต่ต้องแบ่งเติมเป็น 2 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน และคอยสังเกตว่าผักมีลักษณะใบเหลืองให้เติมปุ๋ยสูตรเสมอครั้งละ100กรัมห่าง กัน5วันที่ใบเขียวปกติให้หยุดเติม
น้ำหมักมูลไส้เดือนทีได้ควรฉีดพ่นทางใบทุกๆ3-5วันก่อนนำไปใช้ ก่อนใช้ต้องผสมให้เจือจาง ในอัตราส่วน น้ำหมักมูลไส้เดือน 1 ลิตร ต่อ น้ำเปล่า 20 ลิตร ถ้าใช้กับพืชใบบอบบางใช้อัตรา 1ลิตรต่อน้ำ 30 ลิตร
พรุ่งตอนจบเป็นการผลิตสารละลายจากมูลค้างคาวเพื่อทดแทนปุ๋ยสูตรเสมอครับ

ได้รับอนุญาติเผยแพร่จากเจ้าของบทความแล้ว

ที่มา : Cha Tisol