บุญเพ็ง หีบเหล็ก : นักโทษประหารโดยการตัดหัวคนสุดท้ายในสยาม

998840_633147326697937_780731320_n

[คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง : “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” – เพิ่งทราบว่านี่คือเรื่องจริงนะ]

คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๔๘-๖๔๙/๒๔๖๓ จำเลยในคดีนี้คือนายบุญเพ็งกับพวก เหตุการณ์เกิดในปี ๒๔๖๑ นายบุญเพ็ง บวชอยู่ที่วัดสุทัศน์ ทางการพิจารณาปรากฏว่า เป็นผู้ที่ประพฤติผิดทางวินัยของพระอยู่ตลอด เช่น การกินเหล้า เล่นการพนันในระหว่างที่บวช เรื่องการฆ่าคนที่เป็นคดีนี้ ในคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๔๘-๖๔๙/๒๔๖๓ เกี่ยวพันกับการฆ่าคน ๒ คน

เริ่มต้น เหตุเกิดในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๖๑ นายบุญล้อมเป็นพ่อค้าขายของเบ็ดเตล็ด เครื่องทอง เครื่องสายสร้างต่าง ๆ นายบุญล้อมคุ้นเคยกับนายบุญเพ็ง วันเกิดเหตุ นายบุญล้อมกลับจากขายของแล้วไม่ไปบ้าน นัยว่า ตอนเย็นมีข้อโต้เถียงกันขึ้นกับนายบุญเพ็ง แต่ไม่ปรากฏว่าโต้เถียงกันเรื่องอะไร ประจักษ์พยานไม่มี มีเพียงเหตุผลแวดล้อมว่า นายบุญล้อมได้ไปที่นั่นและเกิดโต้เถียงกัน ตอนกลางคืนนายบุุญล้อมก็นอนที่นั่น รุ่งขึ้นเช้านายบุญล้อมหายไป และในตอนสายปรากฏว่ามีหีบเหล็กมาอยู่ที่กุฏิ แล้วก็หีบเหล็กนั้นได้นำออกไปจากวัด ต่อมา ปรากฏว่ามีคนงมกุ้งที่ริมน้ำหน้าสถานีรถไฟบางกอกน้อย พบหีบเหล็ก ด้วยความดีใจเก็บขึ้นนึกว่าเป็นทรัพย์ จึงเก็บมาจากน้ำ เปิดขึ้นปรากฏว่ามีคนตายถูกมัดอยู่ในหีบเหล็ก เรื่องไปถึงตำรวจ สอบสวนได้ความว่า เป็นนายบุญล้อมถูกทำร้ายมีบาดแผลที่ศีรษะ ทีศพถูกหักขาหักคอพับแล้วเชือกมัดใส่ในหีบเหล็ก รอยที่ถูกทำร้ายเข้าใจว่าถูกตี ตำรวจได้พยายามสืบ ไม่ได้ความชัดในเบื้องต้น

ต่อมาอีกราว ๒ เดือน ปรากฏว่ามีหีบเหล็กลอยน้ำขึ้นอีกใบที่วัดไทรม้า จังหวัดนนทบุรี เจ้าพนักงานทราบเข้าว่าเกิดหีบใบที่สองขึ้น ก็เริ่มทำการสืบสวน ได้ความว่าเป็นศพของนางปลีกนางปลีกนี้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับนายบุญเพ็งตั้งแต่บวชเป็นพระ ได้ความว่า ตั้งแต่วันที่นายบุญล้อมหายไปก็สึก เพื่อจะแต่งงาน แต่ว่ารวบรวมเงินไม่พอ จึงไปเช่าห้องอยู่ที่แถววัดเลียบ ในเวลานั้นปรากฏว่า นางปลีกซึ่งเป็นผู้คุ้นเคยไปหา และเป็นแม่ค้ามีเครื่องแต่งตัวและทรัพย์ติดไปด้วย นัยว่าจะไปประมูลร้านออกแสดงในงานฤดูหนาวสวนจิตรลดาแล้วก็หายไป ครั้นมาได้ศพนางปลีก ก็สาวเรื่องมาก็ได้ความว่านางปลีกไปหานายบุญเพ็งแล้วก็หายไป จึงได้ไปค้นที่ห้องนายบุญเพ็ง ค้นหลักฐานที่เกี่ยวกับเรื่องนี้หลายอย่างเช่น เชือก ซึ่งเป็นเชื่อทำนองเดียวกับที่จับมัดศพนางปลีก ได้ผ้าเช็ดปากของนางปลีกและเครื่องรูปพรรณ ซึ่งเอาไปจำนำไว้ เขาเอาลายมือผู้จำนำมาเทียบก็ตรงกับลายมือของนายบุญเพ็ง มีพยานเฉพาะนางปลีก พยานว่านางปลีกไปหานายบุญเพ็ง แล้วไม่กลับมาอีกเลย ปรากฏว่าในตอนเช้า ที่หน้าห้องก็มีหีบเหล็กใบหนึ่งมาวางไว้ แล้วก็เรียกรถและเอาขึ้นรถ พวกข้างบ้านเข้าใจว่าทิดสึกใหม่จะหนีค่าเช่า ขนของใส่หีบหนีไป เหล่านี้ได้จากพยานหลักฐานเท่านี้เกี่ยวกับคดีนางปลีก

เมื่อเป็นเช่นนั้นเรื่องก็สาวมาถึงเรื่องนายบุญล้อมที่ถูกฆ่าที่วัดสุทัศน์ เขาก็ไปค้นที่กุฏินายบุญเพ็ง พบเชือกี่มีรอยตัด ปรากฏว่ามาต่อกับเชือกที่มัดศพนายบุญล้อมได้พอดีกัน ได้ของบางอย่างของนายบุญล้อมอยู่ที่นั่น ได้ไม้กดพะไลหน้าต่างมีร้อยเป็นจุด ๆ เห็นจะเห็นไม้ที่ตีนายบุญล้อม ประกอบกับหลักฐานอื่น ฯลฯ คดีเรื่องฆ่านี้เป็นการฆ่าทำนองเดียวกัน คือ เมื่อเอาศพนางปลีกใส่หีบไปที่วัดไทรม้านั้น เมื่อเวลาที่นายบุญเพ็งเอาหีบลงไปที่ท่าน้ำวัด ยังถามคนที่อยู่หน้าวัดว่าแถวนี้มีคนมางมกุ้งไหม ความอันนี้เชื่อมกับเรื่องนายบุญล้อมที่เอาไปถ่วงไว้หน้าสถานีบางกอกน้อย คนงมกุ้งมาพบเข้า เหตุผลเหล่านี้โยงว่าเป็นคดีเกี่ยวพันกัน เด็กที่นั่นบอกไม่มีใครมางมกุ้งที่หน้าวัดหรอก แต่ว่าหีบเหล็กใบนั้นไม่มีใครงม มันลอยขึ้นมาเอง

กรณีได้ความดังนี้ ศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตตัดหัวนายบุญเพ็ง ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๐ (๔) (๕) ฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทรมานหรือทารุนโหดร้าย.

ตอนประหารชีวิต นายบุญเพ็ง อมพระในปาก ไม่ปรากฏเป็นพระอะไร พนักงานฆ่าลงดาบแรก ฟันหัวไม่ขาด ไม่ระคายคอ, พนักงานลงดาบที่สอง ในจังหวะที่นายบุญเพ็งจะพูด จึง “ฉับ” ดาบที่สองนั้น คอบุญเพ็งกระเด็น เลือดพุ่งดังที่เห็นตามภาพ.

 

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=633147326697937&set=a.100136853332323.77.100000080251932&type=1&theater