การล้างพิษจากตับและถุงน้ำดี

หมายถึง การนำพิษออกจากร่างกายโดยกระตุ้นให้ตับและถุงน้ำดีขับพิษออกนอกร่างกาย ด้วยวิธีรับประทานอาหารพลังงานต่ำ หรือ อดอาหาร (ดื่มน้ำสมุนไพรแทน) และใช้ยาสมุนไพร ซึ่งสามารถนำพิษออกได้มากกว่าวิธีอื่นๆ เหมาะสำหรับคนที่มีพิษสะสมในร่างกาย ปริมาณมาก เช่น นิ่วในถุงน้ำดี เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง

โดยปกติร่างกายของคนเรามีกระบวนการกำจัดพิษออกจากร่างกายได้หลายวิธี เช่น การไอ การจาม มีขน มีเมือกโบกพัดเชื้อโรคออกจาก ร่างกาย มีเม็ดเลือดขาวช่วยจับกินเชื้อโรค มีระบบภูมิคุ้มกันช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง และยังมีตับเป็นอวัยวะที่รวบรวมพิษและกำจัดพิษออก จากร่างกายอีกด้วย ตับจึงมีความสำคัญต่อร่างกายมาก ตั้งอยู่ช่องท้องใต้ชายโครงขวา หนัก 1.3-3 กิโลกรัม ทำหน้าที่ในร่างกาย 40 อย่าง และยังมีหน้าที่ย่อย 500 อย่าง เช่น

  • เก็บสารที่ใช้ในการสร้างฮีโมโกลบิน
  • เก็บวิตามิน A , D , E , K, แร่ธาตุ และไขมัน
  • สร้างน้ำเหลือง ซึ่งเป็นตัวกลางในการนำพาเม็ดเลือดขาว ให้เคลื่อนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
  • ควบคุมสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
  • ขับของเสียที่เกิดจากปฏิกิริยาเมตาโบลิซึ่ม
  • สร้างไลโปโปรตีน เอาไว้คอยส่งไขมันในเลือด
  • สร้างโปรตีนทั้งแอลบูมินและโกลบูลิน
  • ผลิตสารที่เป็นปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ( Clotting factors)
  • ทำลายเม็ดเลือดแดงที่ใช้แล้ว
  • แปรรูปโมเลกุลของฮีโมโกลบินที่ได้จากการทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุจากม้าม เพื่อสร้าง เป็นรงควัตถุน้ำดี ( Bile pigment) เช่น บิลิรูบิน ( Bilirubin) และบิลิเวอดิน ( Bilivedin)
  • หน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การกำจัดพิษออกจากร่างกาย

ถ้าเราไม่รู้จักวิธีดูแลตับ รู้จักวิธีเอาพิษออก อาจทำให้ตับถูกทำลายด้วยพิษ ทำให้เสียหน้าที่ต่างๆทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ การเอาพิษออกจากตับ ( Liver flushing) จึงเป็นวิธีการดูแลดับที่ดีมาก สามารถเอาพิษออกจากร่างกายได้ในปริมาณที่มาก จึงมีประโยชน์ดังนี้ 

  1. ช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ หลายชนิดในร่างกายที่ช่วยตับในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
  2. ป้องกันตับจากสารพิษ ยา สารเคมี หรือแอลกอฮอล์
  3. ช่วยให้ตับฟื้นตัวเร็วขึ้น เร่งการขับสารพิษตกค้างในร่างกาย ปกป้องตับจากการทำเคมีบำบัด ในผู้ป่วยมะเร็ง เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ช่วยต่อต้านการทำลายเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ตับไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
  4. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง สามารถต่อต้านเชื้อโรคและสิ่ง แปลกปลอม บรรเทาความรุนแรงของหวัด หรืออาการภูมิแพ้
  5. ช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ กลับมาใช้ได้ใหม่ เช่น วิตามินซี
  6. ช่วยลดการสะสมของไขมันที่ตับ และลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
  7. ช่วยป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ และคืนความสดชื่นให้กับเซลล์ ทั่วร่างกาย
  8. ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง คอลลาเจน อิลาสติน เส้นเอ็นและความแข็งแรง ยืดหยุ่นของหลอดเลือด

 

การล้างพิษตับทำอย่างไร?   แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1.

เตรียมตัวก่อน พร้อมทั้งกายและใจ 

1.1 ทำได้ในผู้ที่มีอาการพิษสะสม เช่น

  • อาการปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิด
  • ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ คอ
  • เบื่ออาหาร ท้องอืดบ่อย
  • หน้าตาหมองคล้ำ ไม่ขาวสดใส ผิวพรรณหยาบกร้าน
  • มีแผลร้อนในในปากเป็นประจำ
  • ดูดซึมสารอาหารจำพวกแป้งมากไปทำให้ร่างกายอ้วน
  • ขับถ่าย และละลายสารพิษไม่ออก จะเกิดสิวเสี้ยนบนใบหน้า และฝ้าดำบนใบหน้า
  • อ่อนเพลีย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม
  • โรคท้องผูกและ ริดสีดวงทวาร
  • สตรีมีรอบเดือนมาไม่ปรกติ
  • ประสาทตึงเครียด และร่างกายไม่แข็งแรง เพศสัมพันธ์เสื่อม
  • ผิวหนังเป็นผื่นคัน ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ผายลมบ่อย
  • โรคเรื้อรัง เช่น โรคไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบตัน
  • ภูมิแพ้ การต้านทานการติดเชื้อโรคของเด็ก และผู้สูงอายุ
  • ไตทำงานหนัก ( ขับพิษยาตกค้างแทน)

1.2 เจ็บป่วย โรคหรืออาการต่างๆ 

  1. สิว
  2. ไขมันในเลือดสูง
  3. โรคผิวหนัง ผื่นคันต่างๆ
  4. หอบ หืด
  5. ภูมิแพ้
  6. นิ่วตับและนิ่วถุงน้ำดี ปวดท้องจากนิ่วถุงน้ำดี ซึ่งนิ่วจะเป็นตัวขัดขวางการทำงานของตับทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เช่นไขมันพอกตับ ตับแข็ง มะเร็งตับ ตับวาย
  7. โภชนาการพร่อง
  8. ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดแขน
  9. ปวดท้อง ปวดตับ
  10. ความดันโลหิตสูง
  11. โรคหัวใจ เจ็บหน้าอก
  12. โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวน ท้องผูก
  13. มะเร็ง
  14. เอดส์
  15. พากินสัน
  16. อัลไซเมอร์
  17. ลมชัก
  18. อื่นๆ

1.3 มีความเข้าใจในการล้างพิษตับ มีความอดทน 

1.4 มีเวลาให้กับการล้างพิษตับ เวลาที่เหมาะสมกับการล้างพิษตับควรเป็นดังนี้

  • เวลาที่สะดวก ไม่เร่งรีบ
  • เป็นวันหยุด พักผ่อน
  • วันก่อนหรือหลังวันพระ 1 วัน

1.5 ข้อระมัดระวัง

  • สำหรับผู้ที่ร่างกายเพลียมากๆ เจ็บป่วยด้วยโรคเฉียบพลัน เช่น ไข้ ไข้หวัด โรคหัวใจบางชนิด เด็กในวัยเจริญเติบโต หญิงตั้งครรภ์ ควรงดหรือเว้น

ขั้นตอนที่2.

ล้างลำไส้ก่อนล้างตับ มีหลายวิธี เช่น ให้งดอาหารเนื้อ นม ไข่ น้ำมัน อาหารผัด ทอด หรืออดอาหารทุก อย่างโดยดื่มน้ำสมุนไพร แทนร่วมกับรับประทานยาสมุนไพรล้างลำไส้หรือร่วมกับวิธีสวนล้างลำไส้ใหญ่ ดังต่อไปนี้

  • ดื่มน้ำชาต่างๆ  เช่น น้ำชาข้าว น้ำด่าง น้ำมะขามผสมน้ำผึ้ง (วิธีทำแสดงในหัวข้ออาหารและน้ำปรับสมดุลร่างกาย)  โดยน้ำชาข้าว ดื่มตอนเช้า    ประมาณ 5 แก้ว น้ำด่างหรือน้ำอัลคาไลด์ ดื่มตลอดวัน น้ำมะขามผสมน้ำผึ้ง ดื่มเมื่อรู้สึกเพลีย 
  • รับประทานยาสมุนไพร สำหรับล้างพิษ ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะขามดื่ม 1/2 แก้ว 3  เวลา ก่อนอาหารซึ่งจะดื่ม 3 วัน (ยาจะช่วยทำ    ความสะอาดลำไส้) 
  • ให้สวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำสมุนไพร เช่น น้ำต้มสะเดา น้ำต้มหญ้าใต้ใบ กาแฟ หรือสมุนไพร ที่ถูกกับตัวเอง โดยทำ เช้า-เย็น หรือมากกว่า    เพื่อทำความสะอาดลำไส้ก่อนที่จะนำพิษออกจาก ตับและถุงน้ำดี 

ขั้นตอนที่3.

การล้างพิษตับ หลังจากล้างลำไส้แล้วก็จะล้างพิษจากตับ โดยวันที่ล้างพิษตับจะงดการรับประทานยาทุกชนิด งดรับประทานอาหาร ดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำชาต่างๆ แทน แต่ถ้างดอาหารทางปากได้ยิ่งดี

วันหลังจากล้างลำไส้แล้ว

  • ตอนเช้า ถ้างดอาหารได้จะดีให้ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้คั้น แต่ถ้างดไม่ได้ให้รับประทานอาหารเฉพาะผักและผลไม้
  • เวลา 14 .00 . ดื่มน้ำผลไม้ เช่นน้ำสับปะรด น้ำมะละกอ ประมาณ 1 แก้ว หลังจากนั้นงดน้ำงดอาหารทุกอย่าง ถ้าหิวมากให้จิบน้ำเปล่าหรือน้ำด่าง (น้ำอัลคาไลด์) หลังจากนั้นเอาพิษออกจากร่างกายด้วยวิธีต่างๆ อาบน้ำ
  • เวลา 18.00 ดื่มน้ำดีเกลือ โดยนำดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1/2 แก้ว คนให้เข้ากันดื่ม หลังจากนั้นงดดื่มน้ำทุกอย่าง (ดีเกลือจะทำให้ตับและถุงน้ำดีพองตัวและอ่อนตัว ช่วยระบาย ทำให้ไขมัน นิ่วหลุดออกมาได้)
  • เวลา 19.00 . ดื่มเกลือดำแก้อาการเพลีย (รายละเอียดอยู่ที่การล้างพิษสูตรหมอณา )
  • เวลา 20.00 . ดื่มน้ำดีเกลือ โดยนำดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1/2 แก้ว อีก 1 แก้ว หลังจากนั้นงดดื่มน้ำทุกอย่าง (ดื่มน้ำดีเกลือ ถ้ารู้สึกขมปากให้อมมะนาว หรือจิบน้ำมะนาว)
  • เวลา 22.00 . (ไม่ควรเกิน 22.15 น.) ดื่มน้ำมันมะกอก 150 ซี.ซี. ผสมกับน้ำมะนาว 150 ซี.ซี. (บางคนอาจใช้น้ำ มะนาว 75 ซี.ซี และน้ำส้มคั้น 75 ซี.ซี) เขย่าให้เข้ากัน ให้ยืนดื่มเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อน้ำดีพับงอ แล้วรีบนอนลงให้ศีรษะสูง หรือนอนตะแคงขวาลำตัวตรงหรือนั่งดื่มโดย นั่งเหยียดขา เอนตัว 45 องศาแล้วค่อยๆนอนลงไปให้ศีรษะสูง นอนนิ่งจนถึง 02.00 น. ถ้าไม่สบายในท้องสามารถใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบท้อง ช่วยให้ขับพิษออกจากตับและถุงน้ำดี ดีมากขึ้น (น้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวจะ ช่วยขับพิษจากตับและถุงน้ำดี) หลัง 02.00 น. สามารถเริ่มเก็บอุจจาระไว้วิเคราะห์โรคได้

ตื่นเช้าของวัน ต่อมา

  • เวลา 06.00 . ดื่มน้ำดีเกลือ โดยนำดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1/2 แก้ว (ไม่ดื่มก็ได้)
  • เวลา 07.00 ดื่มเกลือดำแก้อาการเพลีย (รายละเอียดอยู่ที่การล้างพิษสูตรหมอณา)
  • เวลา 08.00 . ดื่มน้ำดีเกลือ โดยนำดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1/2 แก้ว (ไม่ดื่มก็ได้) หลังขับถ่ายอุจจาระให้ดื่มน้ำสมุนไพรบำรุงกำลัง เช่น น้ำมะพร้าวสด น้ำขิง1 แก้ว (ถ้าไม่ขับถ่ายอุจจาระให้สวนล้างลำไส้    ก่อนดื่มน้ำ สมุนไพร)
  • เวลา 10.30 . สวนล้างลำไส้ใหญ่อีกครั้ง
  • หลังจากนั้น เริ่มรับประทานอาหารอ่อนๆ เพื่อบำรุงตับ (ศึกษาวิธีทำอาหารที่ หัวข้ออาหารและน้ำปรับสมดุลร่างกาย)


ขั้นตอนที่ 4.

ล้างลำไส้หลังล้างตับ หลังจากล้างพิษจากตับและถุงน้ำดีแล้ว การขับพิษต้องใช้เวลาในการเคลื่อนพิษออกจากร่างกาย จึงต้องรับประทานอาหารอ่อนๆประมาณ 3 วัน รับประทานยาบำรุงตับอย่างน้อย 7 วัน และสวนล้างลำไส้ใหญ่(ดีทอกซ์) อย่างน้อย 7 วัน เพื่อขับพิษออกจากร่างกายให้ประคบบริเวณหน้าท้องด้วยความร้อนโดยใช้ผ้าฝ้ายขนาดผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมันมะกอกคลุมลงไปบริเวณหน้าท้อง แล้วใช้กระเป๋าน้ำร้อนวางทาบลงไป ใช้ผ้าห่อหน้าท้องไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจะช่วยให้การขับนิ่ว ของเสียออกได้ดี(ถ้าไม่พร้อมไม่ต้องทำก็ได้) ในช่วงเวลานี้อาจพบก้อนนิ่ว ไขมัน ของเสียต่างๆหลุดออกมาพิษที่ออกจากตับ ตับอ่อน และถุงน้ำดี มีลักษณะดังนี้ 

  1. ลอยอยู่ข้างบน คือ ไขมันจากตับ และนิ่วจากถุงน้ำดี ไขมันจากตับจะมีสีเหลือง สีเขียว สีดำ ก้อนขรุขระ หรือ เป็นน้ำสีดำ สีเหลือง สีเทา มันติดมือล้างไม่ออก ต้องใช้น้ำยาล้างจาน หรือสบู่ล้างหลายๆครั้ง
  2. ลอยอยู่ตรงกลาง จะเป็นเซลล์มะเร็ง มีลักษณะเหมือนเห็ดหูหนูขาว
  3. อยู่ล่างสุดคือเม็ดเลือดแดง ที่หมดอายุ
  4. ลักษณะนิ่วจากถุงน้ำดี จะมีสีเขียว เหลือง ดำ ก้อนค่อนข้างกลม


อาการหลังล้างพิษ

จะรู้สึกอ่อนเพลีย อย่าตกใจ เป็นอาการปกติให้พักผ่อน เอาพิษออกด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ตากแดด แช่มือ-แช่เท้า ให้รับประทาน อาหารอ่อนๆอย่างน้อย 3 วัน ค่อยรับประทานอาหารตามปกติ รับประทานยาบำรุงตับ และทำดีทอกซ์ เช้า – เย็น 7 วัน


ขั้นตอนที่ 5.

ฟื้นฟูตับ หลังจากที่ตับขับพิษออกแล้วอาจจะมีร่องรอยของแผลที่เกิดจากการหลุดลอกออกของนิ่ว ไขมัน หรือของเสียอื่นๆ อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย การฟื้นฟูตับจึงเป็นสิ่งสำคัญสิ่งที่ต้องปฏิบัติคือ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานยาบำรุงตับ
  • ดื่มและรับประทานอาหารบำรุงตับ เช่น น้ำผักผลไม้ปั่น ข้าวต้มเพื่อสุขภาพ (ดูรายละเอียดในหัวข้ออาหารและน้ำปรับสมดุลร่างกาย) โดยรับประทานอย่างน้อย 3 วัน หลังจากนั้นก็ปฏิบัติดูแลสุขภาพตนเองแบบพอเพียง ด้วยหลักปฏิบัติ 5 อ. (เอาพิษออก อาหารและน้ำปรับสมดุลร่างกาย อากาศ ออกกำลังกาย อารมณ์และจิตใจ) และหมั่นเอาพิษออกจากร่างกายเท่าที่รู้สึกสบาย

การล้างพิษตับและถุงน้ำดี    อาการ    ต่างๆจะหายได้อย่างชัดเจน ตามประสบการณ์มักพบว่าทำมากกว่า 5 ครั้งจะเห็นผลชัดเจน แต่บางราย 1 ครั้งก็เห็นผลได้    การล้างพิษตับ    และถุงน้ำดีควรทำห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์ สามารถทำได้ทุกเดือน หรืออย่างน้อยปีละ 2-4 ครั้ง

การล้างพิษตับและถุงน้ำดีมีหลายวิธี สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมแต่ถ้าเป็นไปได้ในครั้งแรกของการล้างพิษตับและถุงน้ำดี ควรล้างใช้เวลาล้างอย่างน้อย 4-6 วันก่อน จึงสามารถทำแบบ 1 วัน 2 วัน หรือ 3 วัน หรือ 4 วัน หรือ 5 วัน หรือ 6 วัน ดังต่อไปนี้

สูตรการล้างพิษตับ 6 คืน 7 วัน( สูตรหมอณา)

สิ่งที่ต้องเตรียม

เตรียมตัว

  • เตรียมใจ ใจต้องพร้อม อดทน เข้าใจวิธีและผลการล้างพิษ

เตรียมร่างกาย 

  • ได้ทุกคน ทุกโรค ยกเว้น เด็กในวัยเจริญเติบโต คนที่ป่วยด้วยโรคเฉียบพลัน เช่นตับอักเสบเฉียบพลัน ไข้ ไข้หวัดเฉียบพลัน เพลียมากๆ อดอาหารพวก เนื้อ นม ไข่ น้ำมัน ของทอด ไม่ได้
  • ฝึกรับประทานอาหารสุขภาพมาก่อน หรือเคยอดอาหารมาจะดีมาก

เตรียมเวลา

  • เวลาที่พร้อม ว่าง วันหยุด ไม่เร่งรีบ ก่อนหรือหลังวันพระ 1 วัน

เตรียมสถานที่

  • มีห้องน้ำพร้อม สะดวก โปร่ง โล่ง สบาย

เตรียมยาวัสดุอุปกรณ์

  • ยาผงสมุนไพรล้างลำไส้ 10 ช้อนชา
  • น้ำแอปเปิล 100% 6 ลิตร หรือ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 27-30 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์สกัดเย็น 125-150 ซี.ซี
  • น้ำมะนาวคั้น 75 ซี.ซี
  • น้ำส้มคั้น 75 ซี.ซี
  • น้ำสับปะรดคั้น 1 แก้ว
  • ดีเกลือ 4 ช้อนชา
  • เกลือดำ 3 ช้อนชา
  • ยาสมุนไพรบำรุงตับ
  • น้ำผึ้ง
  • น้ำสะอาด
  • อุปกรณ์เอาพิษออก เช่น กาแฟดีทอกซ์ ขวดดีทอกซ์ ชุดกัวซา อื่นๆ
วันที่ กิจกรรม หมายเหตุ
วันที่
1-5
  • ตอนเช้าให้อมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นกลั้วปาก 10-15 นาที แล้วล้างปากด้วยน้ำเปล่า ออกกำลังกาย ตากแดด สวนล้างลำไส้ใหญ่
  • ดื่มน้ำแอปเปิล หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลผสมน้ำผึ้งผสมน้ำเปล่า
 เวลา 8.00 -10.00-12.00 – 14.00-16.00 น. (ประมาณ 200 ซี.ซี ต่อครั้ง ดื่มก่อนอาหาร 30 นาที หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง)
  • งดอาหาร เนื้อ นม ไข่ น้ำมัน(ผัด ทอด ย่าง ปิ้ง) เนย น้ำเย็น รับประทานอาหารสุขภาพ เช่นจากธัญพืช ผัก ผลไม้ไม่รับประทานอิ่มอาหารจนเกินไป
  • ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตรหรือมากกว่านั้น
  • ก่อนนอน (เวลา 20.00 น.) ให้รับประทานยาล้างลำไส้ 2 ช้อนชา ผสมน้ำ
สะอาด 1 แก้ว ใส่ในขวดปากกว้างที่มีฝาปิดเขย่า 10-20 ครั้ง ให้เข้ากัน 
รีบดื่มแล้วดื่มน้ำเปล่าตาม 2 แก้ว(ดื่ม 5 วัน)
  • ในระหว่างล้างพิษอาจมีอาการไม่สบาย เช่น ปวดศีรษะ เพลีย ปวดตามร่างกาย ให้เอาพิษออกด้วยวิธีต่างๆ เช่น สวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำสมุนไพรที่ถูกกับร่างกาย เช้า-เย็นหรือมากว่า (ตอนเช้าควรใช้กาแฟดีทอกซ์ช่วยล้างพิษตับ แก้เพลีย โดยผสมยาบำรุงตับ เช่น ยาฉีด วิตามินบีรวม ยาเฮปาวิต อย่างใด อย่างหนึ่ง ดูดตัวยา 1 หลอด ผสมลงไปในน้ำกาแฟ ) แช่มือ-แช่เท้า-กัวซา
  • พอกทา-ตากแดด-อบแดด –กดจุดเส้นลมปราณ-ฝึกหายใจ
  • พักผ่อน อื่นๆ ให้จัดสรรเวลาตามความสะดวกและเหมาะสม
 – นอนหลับพักผ่อนไม่เกิน 3 ทุ่ม นอนดึกตับจะทำงานหนัก
วิธีผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล
กับน้ำผึ้งและน้ำเปล่า
 โดยนำน้ำส้มสายชูหมัก100%  1 ช้อนโต๊ะ
  ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 120-170 ซี.ซี คนให้เข้ากันดื่มแทนน้ำแอปเปิลใน
กรณีที่เป็นเบาหวานไม่ให้ดื่มน้ำแอปเปิลให้
ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลแทน
วันที่ 6
  • อาหารเช้าควรเป็นน้ำข้าวกล้องงอก ห้ามกินน้ำตาลหรือน้ำตาลเทียม
 เครื่องเทศ นม เนย โยเกริ์ต ของมันทุกชนิด อาหารที่มีโปรตีน คือ เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว ต่าง ๆ ขนมต่าง ๆและของที่เกี่ยวกับนมเนย เพื่อให้ตับสะสมน้ำดีไว้ใช้งานเวลาล้างและอย่าให้อิ่มมาก
  • ดื่มน้ำแอปเปิล หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลผสมน้ำผึ้งผสมน้ำเปล่า
 เวลา 8.00 -10.00-12.00 น. (ประมาณ 200 ซี.ซี ต่อครั้ง ดื่มก่อนอาหาร
 30 นาที หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง)
  • เวลา 14.00 น ให้รับประทานน้ำผลไม้คั้นสด เช่นน้ำสับปะรด น้ำมะละกอดิบ หรือห่าม 1 แก้ว หลังจากนั้นให้งดอาหารทุกอย่างถ้าหิวให้จิบน้ำเปล่า ถ้างด
อาหารทุกอย่างได้จะดีมาก
  • เวลา 18.00 น . และ 20.00 น. ให้ดื่มน้ำดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1/3 แก้ว ถ้าขมปาก เฝื่อนปากให้อมมะนาวจิ้มเกลือ ก่อนและหลังดื่มน้ำดี
เกลือให้งดน้ำอย่างน้อย 20 นาที
  • เวลา 19.00 น. ให้ดื่มเกลือดำผสม 4 แก้ว
  • เวลา 22.00 น. ไม่เกิน 22.15 น. ให้ดื่มน้ำมะนาว 75 ซี.ซี. ผสมกับน้ำส้มคั้น 75 ซี.ซี. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์สกัดเย็น 125-150 ซี.ซี. เขย่าให้เข้ากันดื่ม
 โดยให้นั่ง 45 องศา (นั่งเอนหลังไม่ให้ท้องงอเหยียดขาออก แล้วดื่มให้หมด
 นอนลงไปไม่ให้ตัวงอใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบท้องจนถึง ตีสอง ถ้ารู้สึกไม่
 สบายให้อมมะนาวจิ้มเกลือ หรืออาจเดิน ห้ามนั่งหรือนอนตัวงอ อาจทำให้ 
ท่อน้ำดีพับงอของเสียระบายไม่ดี)
  • วันที่ 6 ให้ดื่มน้ำแอปเปิลถึง เที่ยง

วิธีผสมเกลือดำ

  • เกลือดำ 1 ช้อนชาครึ่งเคี่ยวกับ
น้ำตาลอ้อย 3 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมน้ำต้มใบเตยอุ่น 4 แก้ว ดื่มเวลาละ 4 แก้ว
วันที่ 7
  • เวลา 02.00 น. ดื่มน้ำบีทรูท 1 แก้ว
  • เวลา 06.00 น. และ 08.00 น. ดื่มดีเกลือ
  • เวลา 07.00 น.ดื่มเกลือดำ/ถ้ารู้สึกไม่สบายสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟ
หรือน้ำสมุนไพรที่ถูกกับร่างกาย
  • เวลา 8.30. ดื่มน้ำขิงตามด้วยน้ำมะพร้าวสดหรือน้ำมะพร้าวเผา และรับประทานน้ำซุป (ยังไม่ทานข้าวต้มจนกว่าจะสวนล้างลำไส้ใหญ่เวลา 10.30 น.)
  • ตอนเช้าให้แช่มือ-เท้า–อาบน้ำอุ่น–ตากแดด
  • เวลา 10.30 น.ให้สวนล้างลำไส้ใหญ่อีกครั้ง (ครบ 12 ชั่วโมง ที่ของเสียเคลื่อนมาถึงลำไส้ใหญ่ ควรจะสวนล้างลำไส้ใหญ่)
  • เวลา 11.00 น.หลังจากนั้นรับประทานน้ำผักผลไม้ปั่นรวมรับประทานข้าวต้ม
ใส่ถั่วดำและพุทราจีน (เป็นหลักหรือจะแยกทำเป็นของหวาน)
  • รับประทานอาหารสุขภาพอย่างน้อย 3 วัน
  • รับประทานยาบำรุงตับ 7 วัน
  • ให้สวนล้างลำใหญ่ด้วยกาแฟ (ถ้าผสมวิตามินบำรุงตับ 1 หลอด เช่น เฮปาวิตลงไปด้วยจะดี) ในช่วงเวลาเช้า ถ้าเป็นตอนเย็นให้เลือกสมุนไพรที่ถูกกับ
ร่างกายถูกกับสภาพอากาศ เย็น น้ำต้มตะไคร้ น้ำต้มใบเตย อื่นๆ 
อย่างน้อย 7 วัน
ให้สังเกตของเสียที่เริ่มขับออกมาตั้งแต่
     เวลา 02.00 น.

  1. ลอยอยู่ข้างบน คือไขมันจากตับ และ
นิ่วจากถุงน้ำดี ไขมันจากตับจะมี
 สีเหลือง สีเขียว สีดำ ก้อนขรุขระ หรือ
เป็นน้ำสีดำ สีเหลือง สีเทา มันติดมือ
ล้างไม่ออก ต้องใช้น้ำยาล้างจาน หรือสบู่
ล้างหลายๆครั้ง
  2. ลอยอยู่ตรงกลาง จะเป็นเซลล์มะเร็ง
 มีลักษณะเหมือนเห็ดหูหนูขาว
  3. อยู่ล่างสุด คือเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ
  4. ลักษณะนิ่วจากถุงน้ำดี จะมีสีเขียว เหลือง
 ดำ ก้อนค่อนข้างกลม